SCI บวกเกือบ 5% คาดผลการดำเนินงาน Q3/59 พลิกบวก
SCI บวกเกือบ 5% คาดผลการดำเนินงาน Q3/59 พลิกบวก เนื่องจากเริ่มรับรู้รายได้งานโทรคมนาคม เสาไฟฟ้าแรงสูง และงานรับเหมาจากสปป.ลาว ล่าสุด ณ เวลา 10.42 น. ราคาอยู่ที่ 9.75 บาท บวก 0.45 บาท หรือ 4.84% สูงสุดที่ 9.80 บาท ต่ำสุดที่ 9.60 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 26.65 ล้านบาท โบรกฯ แนะ “ซื้อ” ชูเป้า 15 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท เอสซีไอ อีเลคตริค จำกัด (มหาชน) หรือ SCI ณ เวลา 10.42 น. ราคาอยู่ที่ 9.75 บาท บวก 0.45 บาท หรือ 4.84% สูงสุดที่ 9.80 บาท ต่ำสุดที่ 9.60 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 26.65 ล้านบาท
นายเกรียงไกร เพียรวิทยาสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCI กล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3/59 จะพลิกกลับมาเป็นบวก โดยจะมีกำไรได้อย่างแน่นอน เนื่องจากจะมีการเริ่มรับรู้รายได้จากงานโทรคมนาคม เสาไฟฟ้าแรงสูง และงานรับเหมาจากสปป.ลาวเข้ามา ซึ่งจะส่งผลให้แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังพลิกกลับมามีกำไรได้ จากช่วงครึ่งปีแรกที่มีขาดทุน ขณะที่ภาพรวมทั้งปี 2559 บริษัทคาดว่าจะยังคงขาดทุนอยู่ เนื่องจากผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกขาดทุน และยังคงเป้าหมายที่จะมีรายได้ใกล้เคียงกับปี 2558 ที่มีรายได้ประมาณ 2,100 ล้านบาท
“ในไตรมาส 3/59 บริษัทเริ่มมีการรับรู้รายได้จากงานรับเหมาในสปป.ลาวเพียงเล็กน้อย แต่จะมีการรับรู้รายได้จากงานรับเหมาในสปป.ลาวมากขึ้นในไตรมาส 4/59 คาดว่าทั้งปี 2559 จะมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศประมาณ 5% จากมูลค่างานประมาณ 416 ล้านเหรียญสหรัฐ” นายเกรียงไกร กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญาอีก 2 โครงการ ในสปป.ลาว คือ โครงการก่อสร้างสายส่งและสถานีไฟฟ้า 500 กิโลโวลต์ มูลค่างาน 306 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นกว่า 10,700 ล้านบาท และโครงการปรับปรุงระบบจำหน่ายไฟฟ้า (PDSR) เฟส 2 มูลค่าโครงการ 67 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นกว่า 2,200 ล้านบาทกับการไฟฟ้าลาว คาดว่าจะได้เซ็นในปลายปี 2559 หลังจากที่การไฟฟ้าลาวมีการปรับโครงสร้างองค์การไฟฟ้าลาว ขณะที่ในปี 2560 บริษัทคาดว่าจะพลิกมีกำไรได้ จากการรับรู้รายได้จากงานที่จะเพิ่มเข้ามา
ด้านบล.ฟิลลิป ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนะ “ซื้อ” บนราคาพื้นฐานที่ประเมินไว้สำหรับปี 2560 เท่ากับ 15 บาทต่อหุ้น (ยังไม่รวมส่วนเพิ่มจากโครงการโซลาร์ฟาร์มระยะที่ 2 ที่คาดจะชัดเจนช่วงปลายปี 2559)
โดยประเมินว่า ผลประกอบการของ SCI ในไตรมาส 3/59 คาดจะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 76 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/59 ที่มีขาดทุนสุทธิ 4 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3/58 ที่มีกำไรสุทธิ 47 ล้านบาท