พาราสาวะถี อรชุน

คนไทยทั่วสารทิศมุ่งหน้าไปที่จุดหมายเดียวกันคือท้องสนามหลวง เพื่อรอรับบัตรคิวเข้าถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าบรมฉายาลักษณ์ 14 วันหลังการเสด็จสวรรคต ปวงชนทุกหมู่เหล่ายังไม่คลายความโศกเศร้า ขณะเดียวกันก็แปรเปลี่ยนความทุกข์โศกเหล่านั้น หลอมรวมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเพื่อองค์เหนือหัวอันเป็นที่รักยิ่งของปวงประชา


คนไทยทั่วสารทิศมุ่งหน้าไปที่จุดหมายเดียวกันคือท้องสนามหลวง เพื่อรอรับบัตรคิวเข้าถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าบรมฉายาลักษณ์ 14 วันหลังการเสด็จสวรรคต ปวงชนทุกหมู่เหล่ายังไม่คลายความโศกเศร้า ขณะเดียวกันก็แปรเปลี่ยนความทุกข์โศกเหล่านั้น หลอมรวมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเพื่อองค์เหนือหัวอันเป็นที่รักยิ่งของปวงประชา

ไม่เพียงเฉพาะคนไทยเท่านั้นประมุข ผู้นำนานาประเทศ ต่างทยอยเดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ อย่างต่อเนื่อง และจะเป็นเช่นนี้ต่อไป จากรายงานของกระทรวงการต่างประเทศที่ว่า มีบรรดาประเทศต่างๆ ประสานเรื่องการเดินทางของผู้นำของตนเองมาถวายสักการะพระบรมศพพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่

วันนี้เรื่องของความร่วมมือร่วมใจ การมีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของคนไทยและกับคนต่างชาติในบริเวณโดยรอบพระบรมมหาราชวังนั้นคงไม่ต้องเป็นห่วง จนมีคำพูดที่ว่าใครที่จะเดินทางมาเพื่อแสดงความอาลัยถวายแด่พระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศนั้น แม้ไม่มีเงินติดตัวมาแม้แต่สตางค์แดงเดียวก็ไม่ต้องกังวล เพราะสามารถอยู่ได้ด้วยข้าวปลาอาหารจากน้ำใจของคนไทยด้วยกันเอง

สิ่งที่น่าห่วงและมีการประกาศเตือนโดยทางการมาเป็นระยะคือเหล่าบรรดามิจฉาชีพ ทั้งที่เป็นงานเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินแต่ก็ยังมีคนพวกนี้อยู่ คงต้องฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะรัฐบาลและคสช.ในการดำเนินการเรื่องนี้อย่างเข้มงวด จริงจัง เรื่องของการจะทำให้คนไม่ดีเป็นคนดีภายในระยะเวลาอันสั้นนั้นคงยาก แต่เรื่องการบังคับใช้กฎหมายต้องเด็ดขาดและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

ในเรื่องของคนดีนั้น หากเราจำกันได้มีพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่พระราชทานไว้ ตั้งแต่ปี 2512 ความว่า “ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครที่จะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุข เรียบร้อยจึงมิใช้การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมความดี ให้คนดีปกครองบ้านเมืองและคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้”

นาทีนี้เรื่องการทำความดีอันเป็นพื้นฐานสำคัญจากหัวใจคนไทยที่มีเรื่องนี้อยู่ในสำนึกของทุกคนเป็นที่ประจักษ์แล้ว จากภาพที่ปรากฏเบื้องหน้า แต่การจะน้อมนำกระแสพระราชดำรัสไปปฏิบัติเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเต็มที่นั้น เป็นหน้าที่ของรัฐบาลและผู้มีอำนาจเวลานี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาลที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด จะใช้พระเดชที่มีสร้างพระคุณให้บ้านเมืองคลาคล่ำไปด้วยคนดีได้อย่างไร

งานการบริหารบ้านเมืองและเรื่องขององคาพยพแม่น้ำ 5 สายยังคงเดินหน้าต่อเนื่อง มีเรื่องที่ชวนถกกันอยู่คือ การเซตซีโร่องค์กรอิสระ อันเป็นข้อเสนอที่ดังมาจาก พลเอกนคร สุขประเสริฐ สมาชิกสปท. ด้วยเหตุผลใช้ตรรกะเดียวกันกับส.ส.ที่เมื่อมีการยุบสภาก็ต้องพ้นวาระไป ดังนั้น เมื่อมีรัฐธรรมนูญใหม่ ก็ควรล้างไพ่ใหม่กรรมการองค์กรอิสระต่างๆ ที่มีอยู่ตามรัฐธรรมนูญ 2550

เมื่อคสช.เข้ามารัฐธรรมนูญถูกฉีก จริงๆ ก็ต้องหมดวาระไปตามรัฐธรรมนูญ 2550 แต่คสช.ใช้ประกาศให้ยังคงอยู่ ดังนั้น เมื่อมีรัฐบาลใหม่และคสช.ยุบไป องค์กรอิสระเหล่านั้นก็ต้องหมดไปด้วย พวกเขาไม่ควรยึดติดกับตำแหน่ง ต้องเสียสละเพื่อประเทศ ดังนั้น ขณะนี้ควรทำแผนงานไว้เพื่อให้คนใหม่ที่มารับหน้าที่ สามารถสานต่องานได้ทันที และกรธ.ก็ควรจะหาแนวทางปฏิรูปด้วย

แม้จะมีเสียงยืนยันมาจากกรธ.ว่าไม่ได้มีแนวคิดในเรื่องดังกล่าว รวมไปถึงสนช.ในฐานะที่จะต้องปรับแก้กฎหมายลูกของกรธ.จะยืนยันว่าไม่มีความคิดนี้เช่นเดียวกัน แต่หากไปถามคนทั่วไปแล้วเชื่อว่าส่วนใหญ่เห็นด้วยที่จะให้เซตซีโร่ เพราะหลายองค์กรอิสระการปฏิบัติงานที่ผ่านมาสร้างความกังขาให้กับประชาชนไม่น้อย

ประเด็นที่เห็นเด่นชัดและถูกวิจารณ์อย่างหนักคือเรื่องสองมาตรฐาน ไม่จำเป็นต้องชี้นิ้วไปว่าเป็นองค์กรใดบ้าง เสียงสนับสนุนที่จะให้เซตซีโร่ซึ่งน่าสนใจ คงหนีไม่พ้น สดศรี สัตยธรรม อดีตกกต.ที่มองเบื้องต้นว่า เมื่อมีรัฐธรรมนูญใหม่ คุณสมบัติของกรรมการองค์อิสระเปลี่ยนแปลงไปมาก หากจะเริ่มต้นใหม่ เมื่อรัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้ ทุกองค์กรอิสระก็ควรเริ่มต้นรีเซตใหม่ทั้งหมดด้วย

แต่ต้องเปิดโอกาสให้กรรมการองค์กรอิสระเดิมสามารถลงสมัครสรรหาใหม่ได้ด้วย อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ากรรมการองค์กรอิสระเดิม มีเพียงไม่กี่คนที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่รัฐธรรมนูญใหม่กำหนด ปมที่สดศรีชี้ให้เห็นเป็นมุมแย้งความเห็นของกรรมการองค์กรอิสระอย่างกกต.บางรายที่อ้างว่า หากถูกเซตซีโร่จะทำให้มีผลต่อการเลือกตั้ง ซึ่งมีมุมที่น่าสนใจ

การอ้างว่าหากเซตซีโร่แล้วจะทำให้การเลือกตั้งมีปัญหา เพราะขาดกรรมการที่มีประสบการณ์นั้น ตนมองว่า เรื่องนี้ไม่มีผลกระทบอะไร เพราะกกต.เป็นเพียงหัวโขนเท่านั้น การจัดการเลือกตั้ง ขั้นตอนการดำเนินงานทุกอย่าง ทั้งการแบ่งเขต เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่กกต.ฝ่ายประจำที่เป็นผู้ดำเนินการทั้งสิ้น ประเด็นนี้ก็เหมือนกับที่ผู้บริหารสำนักงานงานกกต.บางรายยืนยันในช่วงมีข่าวแย่งเก้าอี้ประธานกกต.ว่า การขาด 5 เสือกกต.ไปช่วงระยะเวลาหนึ่งไม่มีปัญหาอะไร

ทั้งนี้ สดศรียังได้ยกเหตุผลประกอบว่า สมัยที่ตนเข้ามารับตำแหน่งกกต. ถึงแม้จะเคยเป็นผู้พิพากษามาก่อน แต่ก็ไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับการจัดเลือกตั้งมากเท่าเจ้าหน้าที่กกต. เพราะเจ้าหน้าที่เหล่านี้เคยทำงานอยู่กระทรวงมหาดไทยมาก่อน รู้ขั้นตอนจัดการเลือกตั้งดี บางเรื่อง 5 เสือกกต.ยังสู้เจ้าหน้าที่กกต.ไม่ได้ เมื่อคนที่เคยทำหน้าที่นี้มาก่อนยืนยัน จึงเป็นเรื่องที่น่าเชื่อถือ แต่จะมากพอให้ผู้มีอำนาจเกี่ยวข้องเดินหน้าเซตซีโร่หรือไม่ตรงนี้คงยากที่จะคาดเดา

ส่วนที่มีนักการเมืองบางรายค้านประเด็นนี้ เมื่อไปพิจารณาเนื้อในของการเห็นแย้ง สมควรแล้วที่จะถูกผู้มีอำนาจเวลานี้เขาตราหน้าว่าเป็นพวกเห็นแก่ตัว เพราะข้อกังวลที่เกิดขึ้น ไม่ได้ห่วงองค์กรอิสระหากแต่ห่วงว่าพรรคการเมืองของตัวเองจะถูกหางเลขเซตซีโร่หรือรีเซตสมาชิกพรรคไปด้วย ท้ายที่สุดก็หนีไม่พ้นเรื่องผลประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้องแล้วอย่างนี้จะมาเรียกร้องขอความเห็นใจหาอะไร

 

Back to top button