CENTEL:สู่ช่วงการเติบโต Q4-ปี 60แนะนำ”ซื้อ”ราคาเป้าหมาย 47 บาท

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(27 ต.ค.)ว่า บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL คาดการณ์กำไรหลัก ไตรมาส 3/59 เติบโต 14.6% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนสืบเนื่องจากรายได้เฉลี่ยต่อห้อง (RevPar) เพิ่มขึ้น 6.3% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน(AOR เพิ่ม 3.4% เป็น 83.2% และ อัตราค่าห้องพักเพิ่ม 1.9%) การขยายสาขาร้านอาหาร และดอกเบี้ยจ่ายที่ลดต่ำลง รายได้รวมเป็น 4.6 พันล้านบาท (+5.8% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน, -2.8% เทียบไตรมาสก่อนหน้า) แต่คาดว่ากำไร ไตรมาส 3/59 ลดลง 5% เทียบไตรมาสก่อนหน้า

แม้เริ่มเข้าสู่ฤดูกาลที่ดี สืบเนื่องจากฐานเปรียบเทียบคือไตรมาส 2/59 มีการบันทึกกำไรจากกองทุนอสังหาฯ และอัตราภาษีเงินได้ที่อยู่ในเกณฑ์ต่ำ ทั้งนี้โรงแรมที่มัลดีฟส์ ระดับ 5 ดาวกลับมาให้ประโยชน์กับบริษัทอย่างเต็มที่ หลังจากการตกแต่งหลักได้เสร็จสิ้นไปแล้วตั้งแต่ ก.ค.59 ส่วนธุรกิจอาหาร มีอัตราการเติบโตจากสาขาเดิม (SSSG) ที่อยู่ในเกณฑ์ทรงตัว เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนเพราะไม่มีมาตรการกระตุ้นจากภาครัฐ อย่างไรก็ตามบริษัทมีการเปิดสาขาร้านอาหารอีก 21 แห่ง ยอดสะสมปีนี้เป็น 806 แห่ง ยอดขายจากทุกสาขา (total system sales growth) จึงเพิ่ม 5.5% ใน ไตรมาส 3/59

อีกทั้งคาดว่าบริษัทจะกลับมาสู่ช่วงการเติบโตดีคือ ไตรมาส 4/59 และปี 60 ผลพวงจากโรงแรมที่มัลดีฟส์กลับมาให้บริการได้ปกติ และนักท่องเที่ยวกลุ่มรัสเซียได้ฟื้นตัวดีขึ้น ส่งผลให้การดำเนินงานที่ภูเก็ตและพัทยาปรับตัวดีขึ้น  ส่วนผลกระทบงานไว้ทุกข์นั้น คาดว่าจะกระทบเป็นตัวเงินจาการยกเลิกโรงแรมประมาณ 30 ล้านบาท ส่วนมากมาจากกลุ่มบริษัทคนไทย แต่นักท่องเที่ยวต่างประเทศไม่ได้ยกเลิก

มีการชะลอโรงแรม 2 โครงการที่มัลดีฟส์ เนื่องจากเจ้าของที่ดินมีการปรับขึ้นค่าเช่าที่ดิน ส่วนการเปิดโรงแรมในแบรนด์ “COSI”ที่สมุยและพัทยายังดำเนินต่อไป เช่นเดียวกับการตั้งโรงแรม 4 ดาวที่ดูไบ ในนามบริษัทร่วมทุน (บริษัทถือหุ้น 40%) ก็ยังเดินหน้าต่อ แต่ราคาพื้นฐานใหม่ได้ขยับไปใช้ปี 60 แทนปี 59 ยังผลให้ปรับเพิ่มเป็น 47.00 บาท จากเดิม 45.00 บาท และประเมินด้วยวิธี DCF (WACC 10%, terminal growth 3%) ราคาปิดมีส่วนเพิ่มได้อีก 18% สำหรับส่วนเพิ่ม (upside) ที่อาจเกิดขึ้นได้คือ บริษัทร่วมทุนทำโรงแรมที่ดูไบ และการทำ M&A ในธุรกิจอาหาร