เคาะ 16 หุ้นดาวเด่นครึ่งปีหลังมาแรงSET ขาดปัจจัยหนุน ผันผวนในกรอบ
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยผันผวนในกรอบจำกัดเนื่องจากขาดปัจจัยใหม่ขับเคลื่อน แม้มีแรงเก็งกำไรผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 3/59 แต่ถูกกดดันด้วย Fund Flow ต่างชาติที่ยังไหลออก การลงทุนยังคงเน้นกลุ่มที่แนวโน้มผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังดีเป็นหลัก
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.27 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.11 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวลงตามทิศทางของตลาดหุ้นสหรัฐ ที่ได้รับแรงกดดันจากผลประกอบการที่ย่ำแย่ของบริษัทจดทะเบียนบางแห่ง รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาเกินคาด ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นพุ่งขึ้นเพราะได้รับแรงหนุนจากเงินเยนที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยผันผวนในกรอบจำกัดเนื่องจากขาดปัจจัยใหม่ขับเคลื่อน แม้มีแรงเก็งกำไรผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 3/59 แต่ถูกกดดันด้วย Fund Flow ต่างชาติที่ยังไหลออก การลงทุนยังคงเน้นกลุ่มที่แนวโน้มผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังดีเป็นหลัก หุ้นเด่นเลือก BJC-EA-CPALL-BEAUTY-ESSO-THANI-STA-CPF-GFPT-BWG-GENCO-SUPER-CWT-TPBI-SEAFCO และ TCMC
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคระห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้ (28 ต.ค.) คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ อิงปรับฐานในกรอบจำกัดราว 1,490-1,510 จุด เนื่องจากธนาคารกลางที่เคยดำเนินนโยบายผ่อนคลายมานานอาจดึงเงินกลับ และคาดการณ์ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงปลายปีนี้ ทำให้ Bond yield ของสหรัฐและเยอรมันปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 5 เดือน ซึ่งอาจว่งผลให้ Fund Flow ไหลออกได้ง่ายขึ้น รวมทั้งเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่แข็งค่าขึ้นและเงินบาทอ่อนค่าก็เป็นอีกปัจจัยที่กระตุ้นให้นักลงทุนต่างชาติขาย ซึ่ง 2-3 วันที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติขายออกมามากขึ้น
ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบเล็กน้อย แนะติดตามทิศทาง Bond yield ของทั่วโลก เนื่องจากมีผลต่อ Fund Flow พร้อมให้แนวรับ 1,490 จุด ส่วนแนวต้าน 1,505 – 1,510 จุด
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (28 ต.ค.)SET มีแนวโน้มเคลื่อนไหว Sideways ในกรอบ 1,480-1,520 จุด โดยคาดว่านักลงทุนจะ focus ที่หุ้นรายตัวที่ผลการดำเนินงาน 3Q16 ออกมาดี และหุ้นที่มีโอกาสถูกปรับประมาณการกำไรขึ้น มากกว่าที่จะดูแนวโน้ม SET โดยรวม…ขณะที่ตลาดหุ้น Dow Jones และตลาดหุ้นยุโรป เคลื่อนไหวแคบเมื่อคืนนี้ รอความชัดเจนการประชุม FOMC วันที่ 1-2 พ.ย.นี้ ซึ่งแม้คาดว่าจะคงดอกเบี้ยต่อ แต่มีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม 13-14 ธ.ค.นี้ ส่งผล Bond Yield 10 ปีสหรัฐฯ ขึ้นมาที่ 1.85% วันนี้
แนะนำ “Selective” กลุ่มหุ้นที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/59 ออกมาดี และมีโอกาสถูกปรับประมาณการกำไรขึ้นในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้า
1) กำไรไตรมาส 3/59 ออกมาดี : BJC (+85% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ 717 ล้านบาท ดีกว่าคาดถึง 29% มีโอกาสถูกเพิ่มใน SET50 ปลายปี พื้นฐาน 55.00 บาท) EA (กำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่ม, ต้นทุนการเงินลดลงจากการ Refinance, กำไรทำจุดสูงสุดใหม่ในปี 2016-17) CPALL BEAUTY
2) หุ้นที่ถูกปรับกำไร และเป้าหมายขึ้น: ESSO และ THANI (“ซื้อ” เข้า Tactical Portfolio วันนี้ มี Upside จากต้นทุนการเงินที่ลดลง)
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (28 ต.ค.) คาด SET ยังเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบจำกัด (+/-10 จุด) เนื่องจากตลาดยังไม่มีปัจจัย บวก/ลบ ใหม่ที่ชัดเจน แม้จะมีแรงเก็งกำไรผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 3/16 แต่ถูกกดดันด้วย Fund Flow ต่างชาติที่ยังไหลออกเนื่องจากกังวลว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค.ปีนี้ ประกอบกับเชื่อว่าน่าลงทุนจะชะลอการลงทุนเพื่อรอดูตัวเลข GDP ไตรมาส 3/16 ของสหรัฐที่จะประกาศออกมาในคืนวันนี้โดยตลาดส่วนใหญ่คาดว่าจะขยายตัว 2.5% จากไตรมาสก่อนหากออกมาสูงกว่าคาดจะเร่งให้เฟดตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น
ขณะที่หุ้นในกลุ่มธุรกิจน้ำมันและโรงกลั่นคาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวตามราคาน้ำมันดิบ กลุ่มธนาคารยังถูกกดดันจากรายงานยอด NPL ที่สูงขึ้นในไตรมาส 3/16 แต่หุ้นกลุ่มขนาดกลางถึงเล็กจะยังมีแรงเก็งกำไรเข้ามาอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะกลุ่มที่แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/59 จะออกมาดี อาทิ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม (CPF, GFPT และ CBG) กลุ่มโรงพยาบาล (BDMS, BCH และ LPH) กลุ่มค้าปลีก (CPALL)
และกลุ่มที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวอาทิกลุ่มโรงไฟฟ้าขยะ (BWG, CWT และ PSTC) วันนี้เปิดรายชื่อผู้ชนะการประมูลโรงไฟฟ้าขยะ 50 MW, กลุ่มถ่านหิน (BANPU) ราคาถ่านหินยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง, กลุ่มผู้ผลิตยางพารา (STA และ TRUBB) ราคายางกลับสู่เทรนด์ขาขึ้น และ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง (CK, SEAFCO และ BEM) วันจันทร์หน้าเปิดให้ยื่นซองประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มมูลค่า 76,000 ล้านบาท
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy
หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : STA (ซื้อ/เป้า 14.2)
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (28 ต.ค.)คาด SET วันศุกร์ไซด์เวย์ หลังฟันด์โฟลว์ยังไม่มีเสถียรภาพ และแรงผลักขึ้นจากฝั่งสถาบันในประเทศอาจไม่มีความต่อเนื่องหลัง valuations ของตลาดหุ้นอยู่ในระดับปานกลาง (ไม่ถูกและไม่แพง) ทั้งนี้หลังฝ่ายวิจัยลดประมาณการหุ้นกลุ่มธนาคารครั้งล่าสุด ส่งผลให้ EPS ของตลาดหุ้นไทยปี 2559 และ 2560 ลดลงสู่ 94.0 และ 102.9 ตามลำดับ และดัชนีฯ เทรดที่ fwd PE59 และ fwd PE60 ที่ 15.7 เท่า และ 14.4 เท่า ตามลำดับ
ด้านปัจจัยภายนอกเป็นกลาง ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซื้อขายในกรอบแคบๆ หลังตัวเลขเศรษฐกิจดี/ไม่ดีปนๆ กันไป และตลาดรอดูตัวเลข advance GDP ไตรมาส 3/2559 ของสหรัฐฯ ในคืนวันนี้ โดย consensus คาดไว้ที่ +2.5% QoQ เทียบรายปี (ดีขึ้นจาก +1.4% ในไตรมาสที่ 2/2559) นอกจากนี้ดอกเบี้ยพันธบัตร 10 ปีของสหรัฐฯ ที่ขึ้นสู่จุดสูงสุดในรอบเกือบ 5 เดือน อาจกดดันจิตวิทยาของตลาดหุ้นในเอเชียได้ระดับหนึ่ง ด้านปัจจัยภายใน ธีมการลงทุนหลักยังเป็นหุ้นขนาดกลาง (mid caps) ที่แนวโน้มงบไตรมาส 3/2559 และ/หรือ ไตรมาส 4/2559 จะโดดเด่น
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน TPBI (เป้าสูงสุด Consensus 19.4 บาท), SEAFCO (เป้า Consensus 13.7 บาท), TCMC (เป้าพื้นฐานเบื้องต้น 5.4 – 5.6 บาท)