SCC รายได้ลดกำไรสุดหรูแฉทุกวัน ทันเกมหุ้น

นายรุ่งโรจน์รังสิโยภาสกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทปูนซิเมนต์ไทยจำกัด (มหาชน) หรือ SCC เป็นคนโชคดีมาก ..... อย่างสิ้นสงสัย


นายรุ่งโรจน์รังสิโยภาสกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทปูนซิเมนต์ไทยจำกัด (มหาชน) หรือ SCC เป็นคนโชคดีมาก ….. อย่างสิ้นสงสัย

เพียงแต่การจะด่วนสรุปว่าในความโชคดีนั้นเกิดจากเฮงมากกว่าเก่ง…. ออกจะด่วนเกินไป

นับแต่ยุคของกรรมการผู้จัดการใหญ่คนก่อนหน้านายกานต์ตระกูลฮุนจะเห็นได้ชัดเจนว่าชื่อและภาพลักษณ์ของผู้บริหารสูงสุดของยักษ์ใหญ่อุตสาหกรรมพื้นฐานของไทยอย่าง SCC(ที่พยายามนักหนาอยากให้คนทั่วไปเรียกว่าSCGมากกว่า) มีลักษณะ “โลว์โปรไฟล์” ลงอย่างมีเจตนาแต่ปล่อยให้ระบบงานอันแข็งแกร่งของบุคลากรที่มีคุณภาพสูงขับเคลื่อนไปข้างหน้า

ความสำเร็จของยุคนายกานต์ที่ทำให้การรุกไปลงทุนในต่างประเทศโดยเฉพาะชาติอาเซียนภายใต้กลยุทธ์”กินแบ่ง” ช่วยทำให้กำไรของ SCC ก้าวกระโดดจากเงินลงทุนในต่างประเทศที่โดดเด่นยิ่งชนิดที่ยุคของผู้บริหารในอดีตไม่สามารถทำได้มาก่อน

SCC ในยุคของนายรุ่งโรจน์ยังคงเก็บเกี่ยวผลลัพธ์ของยุคนายกานต์อย่างยั่งยืนต่อไปและดูจะทำได้ดีไม่แพ้กันเสียด้วย…. แม้ไม่ถึงขนาดกระทั่งเอา “เสาไฟฟ้า” มานั่งทำงานแทนก็ได้ผลเหมือนเดิม

ปีนี้ SCC โชว์ตัวเลขทำกำไรเติบโตในอัตราที่โดดเด่นนับแต่ไตรมาสแรกและยังต่อเนื่องมาทุกไตรมาสถึงไตรมาสสามอันเป็นตัวเลขล่าสุด 

ตัวเลขอัตราการเติบโตกำไรที่โดดเด่นท่ามกลางข้อเท็จจริงของรายได้ที่ถดถอยลงบอกข้อเท็จจริงที่ปิดไม่มิดว่าความสามารถทำกำไรของ SCC นั้นอยู่เหนือภาวะลุ่มๆดอนๆ ของเศรษฐกิจรอบด้าน

ในมุมนี้ถือเป็นสุดยอด “หุ้นแกร่งแห่งปี” ที่ต้องกดไลค์ให้เลยหลายๆครั้งและ…. ทุกครั้งที่เอ่ยถึง…. ต้องแฉในความเหนือชั้นชนิดไม่มีอ้อมค้อม

งบการเงินไตรมาสสามของ SCC  ระบุว่า มีกำไรสุทธิจำนวน 14,091 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 57% จากงวดเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากธุรกิจเคมีภัณฑ์ทั้งจากในและต่างประเทศ มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยไตรมาสนี้ธุรกิจเคมีภัณฑ์มีกำไรสุทธิ 11,910 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 74% จากงวดเดียวกันของปีก่อนเพราะมีการตั้งสินทรัพย์ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชีจำนวน 1,800 ล้านบาท

ขณะที่ธุรกิจแพ็กเกจจิ้งซึ่งเป็นธุรกิจในประเทศเป็นหลักมีกำไรสุทธิเพียง 670 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 4%จากงวดเดียวกันปีก่อน แต่ธุรกิจปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างอันเป็นธุรกิจดั้งเดิม และเป็นชื่อบริษัทมาแต่ต้น มีกำไรสุทธิ 1,680 ล้านบาทลดลง 19%  จากงวดเดียวของปีก่อนเพราะค่าเสื่อมราคาที่เพิ่มขึ้นจากการก่อสร้างโรงงานใหม่ที่ต่างประเทศ

ในด้านรายได้ SCC บริษัทมีรายได้จากการขายจำนวน 104,957 ล้านบาทลดลง 5% จากงวดเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากราคาขายของสินค้าเคมีภัณฑ์ที่ลดลงและจากสินค้าปูนซีเมนต์ที่มีปริมาณและราคาขายลดลงโดยธุรกิจเคมีภัณฑ์มีรายได้ 48,138 ล้านบาทลดลง 7% ขณะที่ธุรกิจปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างมีรายได้ 40,970 ล้านบาทลดลง 6% จากงวดเดียวกันของปีก่อนส่วนธุรกิจแพ็กเกจจิ้งมีรายได้ 18,449 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 1% 

กำไรที่โดดเด่นไตรมาสสาม ทำให้ตัวเลขงวด 9 เดือนมีกำไรสุทธิ 43,606 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 28% จากปีก่อน…. หากคิดตัวเลขกำไรจะเห็นได้ชัดว่าจะเป็นอันดับสองรองเพียงแค่บริษัทปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT รายเดียวเท่านั้น

ความน่าสนใจยังไม่หมด เพราะ การที่ธุรกิจเคมีภัณฑ์มีกำไรสุทธิงวด 9 เดือนของปี 2559 จำนวน 32,122 ล้านบาทจากรายได้ 145,477 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 53% จากปีก่อน อัตรากำไรสุทธิ 22% เพราะผลการดำเนินงานบริษัทย่อยและบริษัทร่วมที่ดีขึ้นและต้นทุนราคาวัตถุดิบที่ลดลง ทำให้สมควรแล้วที่ผู้บริหาร และฝ่ายสร้างแบรนด์ของบริษัทสมควรยิ่งที่ต้องผลักดันให้คนลืมชื่อ “ปูนใหญ่” ให้ได้ เพราะรายได้และกำไรหลักไม่ได้มากจากปูนซีเมนต์ และวัสดุก่อสร้างแบบในอดีตอีกต่อไปแล้ว

ในรอบ9 เดือนปีนี้ธุรกิจปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างมีกำไรสุทธิเพียงแค่ 7,446 ล้านบาทจากรายได้ 129,834 ล้านบาทนอกจากลดลง 5% แล้วยังมีอัตรากำไรสุทธิเพียงแค่ 5.73% เท่านั้น 

ตัวเลขไม่เคยโกหกกรณี SCC… ก็หนีไม่พ้น

ยังไม่พอนายรุ่งโรจน์ ยังกล่าวย้ำชนิดที่ “ท้าทาย” เจ้าหน้าที่ ก.ล.ต.ซึ่งกำลังเข็นกฎหมาย หลักทรัพย์ แก้ไขใหม่…. ที่เรียกว่า ฉบับ “เขียนเสือให้วัวกลัว”…. ด้วยการระบุว่า  “บริษัทประเมินกำไรสุทธิปี 2559 จะสามารถทำได้ดีกว่าปี 2558 ที่มีกำไรสุทธิจำนวน 45,399 ล้านบาทเนื่องจากธุรกิจเคมีภัณฑ์ยังอยู่ในทิศทางที่ดี…แล้วแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/59 คาดว่าธุรกิจเคมีภัณฑ์จะดีกว่าไตรมาส 3/59 เพราะตลาดโลกยังมีความต้องการอย่างต่อเนื่องถึงแม้ว่าในไตรมาสดังกล่าวบริษัทจะหยุดซ่อมบำรุงโรงงานโอเลฟินส์ ที่จ.ระยองซึ่งบริษัทได้เตรียมการไว้แล้วเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อยอดขายมากนัก”

เว้ากันซื่อๆ อย่างนี้ หากทำไม่ได้ หรือทำเกินที่คาดหมาย…. ท่านพี่ ศักรินทร์ และท่านพี่ สมชาย “คู่หูจอมขู่มาดเข้ม” แห่ง ก.ล.ต. จะบอกว่า “ติดคุกลูกเดียว” อีกหรือไม่

สงสัยอ่ะ ?????

หรือว่า บริษัทใหญ่ ทำอะไร ก็ไม่เคยผิด น่ารักไปหมด….ขอถามหน่อยดิ ?!!

อิ อิ อิ 

Back to top button