CHO คาดรายได้ปี 60 โตกว่าปีนี้ หลังทยอยรับรู้ฯโครงการรถไฟฟ้ารางเบา
CHO มั่นใจรายได้ปี 60 โตกว่าปีนี้ หลังทยอยรับรู้รายได้โครงการระบบขนส่งมวลชนรางเบา – อยู่ระหว่างเจรจาลูกค้า 2 ราย มูลค่ารวม 700 ลบ. คาดรู้ผลปลายปีนี้
นางสมนึก แสงอินทร์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) หรือ CHO เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าปี 60 รายได้จะเติบโตมากขึ้นเมื่อเทียบกับปีนี้ เนื่องจากจะทยอยรับรู้รายได้จากโครงการระบบขนส่งมวลชนรางเบาที่จังหวัดขอนแก่น ซึ่งบริษัทได้เข้าทำโครงการในส่วนของระบบการก่อสร้างและบริหารจัดการ ซึ่งมีมูลค่าราว 4,000-6,000 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้ภายใน 2 ปีข้างหน้า หลังคาดว่าโครงการดังกล่าวจะเริ่มดำเนินการในเดือน มี.ค.60
สำหรับโครงการนี้ไม่ต้องรอเงินงบประมาณจากรัฐบาล แต่จะเป็นการระดมเงินลงทุนจากภาคเอกชน ซึ่งเป็น นักธุรกิจในท้องถิ่น หากเริ่มลงมือก่อสร้างก็สามารถระดมทุนผ่านเครื่องมือทางการเงินต่างๆ ได้ เนื่องจากโครงการดังกล่าวเกิดจากความร่วมมือระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 5 แห่ง มหาวิทยาลัยขอนแก่น และบริษัท ขอนแก่นพัฒนาเมือง จำกัด (KKTT)
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้า 2 ราย ในการรับประกอบรถบัส 200 คัน มีมูลค่ารวมราว 700 ล้านบาท โดยคาดว่าจะรู้ผลการเจรจาในช่วงปลายปีนี้ และจะทยอยรับรู้รายได้หลังจากนั้น เนื่องจากเป็นสัญญาระยะยาวเพื่อที่จะมีการส่งมอบรถในหลายปี รวมทั้งยังเตรียมเข้าประมูลรถเมล์ไฟฟ้าขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ล็อตแรกจำนวน 200 คันด้วย
“ปีหน้าเราคงมีการเติบโตมาก เพราะเราจะมีรายได้พิเศษจากโครงการระบบขนส่งมวลชนรางเบาที่จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเราเชื่อว่าหลังจากที่ได้โครงการนี้เราจะได้รับงานใหม่ๆ มากขึ้น นอกจากนี้เรายังมีการเจรจางานใหม่อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเราก็คุยกับลูกค้าในการทำรถบัส นอกจากนี้เราก็ยังรอข้อกำหนดของผู้ว่าจ้าง (TOR) ของโครงการรถเมล์ไฟฟ้าจำนวน 200 คัน ซึ่งเรายืนยันว่าจะเข้าร่วมประมูลอย่างแน่นอน”นางสมนึก กล่าว
นางสาวสมนึก กล่าวอีกว่า บริษัทยังคงมั่นใจว่ารายได้ปีนี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% และจะมีอัตรากำไรสุทธิปีนี้จะอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 5% แม้ว่าช่วงครึ่งปีแรกจะมีผลขาดทุน 8.75 ล้านบาท โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทยังมีงานเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และปัจจุบันมีปริมาณงานในมือ (Backlog) มูลค่า 450 ล้านบาท แบ่งเป็นรับรู้รายได้ในปีนี้ 200 ล้านบาท และในปีหน้าอีก 250 ล้านบาท
“แม้ว่าในช่วงครึ่งปีแรกเราจะมีผลกระทบจากงานโครงการจัดซื้อรถเมล์ NGV แต่เราก็ยังสามารถปรับตัวได้ทันและเร่งงานผลิตและประกอบรถออกแบบพิเศษตามความต้องการของลูกค้าเพื่อส่งมอบให้ลูกค้าในปีนี้ นอกจากนี้ถึงแม้ว่าในประเทศเองออเดอร์อาจจะไม่มากนัก แต่ออเดอร์จากต่างประเทศยังเข้ามาเรื่อย ๆ ทำให้เรามั่นใจว่าเราจะสามารถเติบโตได้เกิน 10%”นางสมนึก กล่าว