กูรูฟัน LPH กำไร Q3 ทำสถิติใหม่ปันผลสูงสุดในกลุ่ม-อัพไซด์พุ่ง

ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ฺ ได้ทำการสำรวจบทวิเคราะห์บริษัท โรงพยาบาล ลาดพร้าว จำกัด (มหาชน) หรือ LPH ที่นักวิเคราะห์หลายสำนักต่างให้ความสนใจ หลังมองกำไรไตรมาส 3/59 ทำสถิติสูงสุดใหม่ ชูเป็นหุ้น Laggard พร้อมปันผลสูงสุดในกลุ่ม อัพไซด์พุ่งกว่า 30%


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ฺ ได้ทำการสำรวจบทวิเคราะห์บริษัท โรงพยาบาล ลาดพร้าว จำกัด (มหาชน) หรือ LPH ที่นักวิเคราะห์หลายสำนักต่างให้ความสนใจ หลังมองกำไรไตรมาส 3/59 ทำสถิติสูงสุดใหม่ ชูเป็นหุ้น Laggard พร้อมปันผลสูงสุดในกลุ่ม อัพไซด์พุ่งกว่า 30% 

 

ตารางแสดงคำแนะนำการลงทุน

8877

 

โดยนักวิเคราะห์ริษัทหลักทรัพย์  ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์แนะนำ “ซื้อ”  ราคาเป้าหมาย 11.50 บาท โดยคาดกำไรไตรมาส3/59 ทำสถิติสูงสุดใหม่อยู่ที่ 45 ล้านบาท ดีขึ้น 42.6%จากปีก่อนและ 18.1%จากไตรมาสก่อนหน้า ทั้งนี้คาดรายได้จากกิจการรพ.ปรับตัวดีขึ้น 10.0%จากปีก่อน  และ 8.1%จากไตรมาสก่อนที่ 321 ล้านบาท โดยมีปัจจัยหนุนจาก 1)จำนวนผู้ป่วยเงินสดเข้ามาใช้บริการสูงขึ้นทั้ง OPD และ IPD สืบเนื่องจากที่ทางรพ.เปิดให้บริการศูนย์โรคเฉพาะทาง (Excellent Center) เพิ่มเป็น 2 ศูนย์

นอกจากนี้บริษัทมีรายได้พิเศษจากประกันสังคมเข้ามาเพิ่ม ตลอดจนโรคที่ผู้ป่วยเข้าพักรักษาตัวมีความซับซ้อนสูง คาดหนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นขยับขึ้นมาที่ 25.9% จาก 21.5% ในไตรมาส 3/59 และ 24.2% ใน ไตรมาส2 ส่วนรายได้จากเงินลงทุนสุทธิของกองทุนส่วนบุคคล คาดบริษัทจะรับรู้เข้ามาราว 3-4 ล้านบาท บวกกับผลการดำเนินงานของบ.ย่อยที่อยู่ในระดับค่อนข้างดี กำไรสุทธิในไตรมาส 3/59 จึงน่าจะแตะระดับสูงสุดใหม่ที่ 45 ล้านบาท สูงขึ้น 42.6%จากปีก่อน และ 18.1จากไตรมาสก่อนหน้า     

และที่สำคัญ แนวโน้มไตรมาส 4/59 คาดจะยังโดดเด่นใกล้เคียงกับไตรมาส3 แม้ว่าทางรพ.จะเลื่อนเปิดศูนย์โรคเฉพาะทางด้านทางเดินอาหารและตับออกไปเป็นต้นปีหน้า ก็ไม่กระทบต่อผลการดำเนินงานมากนัก จากฤดูฝนที่คาดว่าจะหมดช้ากว่าปกติ ทำให้โรคระบาดยังมีโอกาสเกิดสูง อีกทั้งจำนวนผู้ป่วยเงินสดยังทยอยเข้าใช้บริการศูนย์โรคเฉพาะทางสูงขึ้น ผลประกอบการปี 59 จึงยังมีโอกาสเติบโตได้สูงโดยประมาณการกำไรสุทธิปี 59 ไว้ที่ 168 ล้านบาท ขยายตัว 67.5%จากปีก่อน จากแนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้นที่น่าจะปรับตัวสูงขึ้นมาที่ 24.7% (เดิมคาดที่ 24.5%) เทียบกับ 23.1% ในปีก่อนหน้า แต่ปรับลดประมาณการรายได้จากกิจการรพ.ลงมาเล็กน้อยที่ 1,254 ล้านบาท (เดิมคาด 1,307 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 9.4%จากปีก่อน

สำหรับปี 60 คาดรายได้จากกิจการรพ.และกำไรสุทธิจะขยายตัวโดดเด่นจากจำนวนผู้ป่วยและรายได้เฉลี่ยต่อหัวที่มีแนวโน้มสูงขึ้นทั้งจากกลุ่มผู้ป่วยเงินสดและผู้ป่วยประกันสังคมจากการทยอยเปิดให้บริการศูนย์โรคเฉพาะทางเพิ่มอีก 7 ศูนย์  แต่ทว่าในช่วงแรกของการเปิดให้บริการนั้น ต้นทุนคงที่ต่อรายได้น่าจะสูงกว่าที่ทางฝ่ายเคยคาดไว้เล็กน้อย จากต้นทุนแพทย์เฉพาะทาง พยาบาลและค่าเสื่อมจากอาคารใหม่ที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนการปรับปรุงพื้นที่ให้บริการส่วนต่างๆในอาคารเก่า ทางฝ่ายจึงปรับลดประมาณการกำไรสุทธิทั้งปี 60 ลงมาที่ 202 ล้านบาท (เดิมคาด 207 ล้านบาท) ขยายตัว 19.8% จากปีก่อน ตามสมมติฐานการปรับลดรายได้จากกิจการรพ.ลงมาที่ 1,437 ล้านบาท (เดิมคาด 1,514 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น  14.6% จากปีก่อน

 

ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี ระบุในบทวิเคราะห์แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 11.80 บาท โดยไตรมาส 3 คาดสร้างสถิติกำไรสูงสุดแตะ 43.5 ลบ. เติบโต 39% ด้วยแรงหนุนจาก    1) รายได้กลุ่มเงินสดที่คาดโต 7% จากปีก่อน  2) รายได้กลุ่มประกัน สังคมคาดโต 13%จากปีก่อน หลังมีค่ารักษาเฉลี่ยและจำนวนผู้ประกันตนที่คาดเพิ่มขึ้น อีกทั้งไตรมาสนี้คาดรับรู้รายได้ภาระเสี่ยงที่เลื่อนมาจากช่วง ไตรมาส2/59 ราว 12-13 ล้านบาท 

นอกจากนี้คาดกำไรโต 39% จากปีก่อนจากการเติบโตของรายได้ค่ารักษาและมาร์จิ้นที่ยังทรงตัวระดับสูงหลังเพิ่มศูนย์เฉพาะทาง ขณะที่แผนย้าย 9 ศูนย์เฉพาะทางจากอาคารเดิมไปอาคารใหม่ “Excellent Center” เพื่อขยายพื้นที่ให้เป็นสัดส่วนและยกระดับให้บริการตั้งแต่ช่วงไตรมาส 1/60 คาดหนุนปี 59 คาดกำไรโต 69.6% จากปีก่อนและโตต่อ 15.3% ในปี 60 

อีกทั้งมองว่ามีศักยภาพโตเด่นในช่วง 2 ปีนี้จากแผนเพิ่มกำลังให้บริการต่อเนื่อง โดย LPH ยังมีศักยภาพทำกำไรที่โดดเด่นในช่วง 2 ปีนี้ โดยช่วงไตรมาส 1/60 มีแผนย้ายศูนย์เฉพาะทาง 9 ศูนย์จากอาคารยกระดับบริการรองรับผู้ป่วยต่างชาติในศูนย์ตรวจสุขภาพและทันตกรรม โดยเงินลงทุนอาคารใหม่ 200 ล้านบาท จะตัดค่าเสื่อม 30 ปี คิดเป็นปีละราว 7 ล้านบาท จึงคาดไม่ได้กดดันศักยภาพทำกำไรเมื่อเทียบกับความสามารถในการรองรับผู้ป่วยที่จะเพิ่มขึ้นในระยะยาว ดังนั้นเราจึงคาดปี 59 LPH จะมีกำไรสุทธิ 170 ล้านบาท โตก้าวกระโดด 69.6% และคาดยังโตต่อ 15.3% จากปีก่อน ในปี 60 

และมองว่าราคาหุ้นยัง Laggard พร้อมคาดให้Div. Yield สูงสุดในกลุ่ม แนะนำซื้อจากศักยภาพทำกำไรที่ยังสดใส บวกกับ ราคาปัจจุบันของ LPH ยัง Laggard กลุ่มและเทรดที่ PER และ PEG ปี 60 เพียง 33.2 เท่า และ 2.18 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่ม รพ. ที่ 36.8 เท่าและ 3.65 เท่า ตามลำดับ 

 

ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์เคจีไอ ระบุในบทวิเคราะห์แนะนำ “Outperform” ราคาเป้าหมาย 10.10 บาท โดยมองว่าผลประกอบการของ LPH ในไตรมาส 3/60 จะออกมาแข็งแกร่งมาก โดยคาดว่าจะมีกำไรสุทธิสูงถึง 47 ล้านบาท โดยปัจจัยขับเคลื่อนที่สำคัญได้แก่ 1) การเข้าสู่ช่วง high season 2) ประสิทธิภาพของ ‘ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์’ และ 3) การรับรู้รายได้จากสำนักงานประกันสังคมส่วนที่ถูกเลื่อนมาจากช่วงก่อนหน้า สำหรับดีลโรงพยาบาลเดชา เจ้าของที่ไม่ได้ตอบรับภายในกำหนดสิ้นเดือนกันยายน 

ทั้งนี้ยังคงประมาณการกำไรสุทธิสำหรับปี 60 และ 61 เอาไว้ที่ 169 ล้านบาท  และ 198 ล้านบาท  ตามลำดับ ผลการดำเนินงานโดยรวมยังคงแข็งแกร่งทั้งในแง่ของ 1) ประสิทธิภาพของศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง 2) ส่วนแบ่งกำไรที่ได้รับอย่างต่อเนื่องจาก AMARC และ 3) การขยายศูนย์การแพทย์เฉพาะทางเพิ่มอีกใน ครึ่งปีหลังของปี 59 และ ปี 60

 

ด้านราคาหุ้น LPH ปิดตลาดวานนี้ ( 2 พ.ย. ) ราคาอยู่ที่ 9.15 บาท ลบ 0.25 บาท หรือ 2.66๔% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 58.99 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีอัพไซด์สูงเกือบ 30% จากราคาเป้าหมาย 11.80 บาท 

Back to top button