ฝรั่งทิ้งทีไร…ไปไม่เป็นทุกทีโมนิก้าและทีมงาน

*ประเด็นที่ทำให้ “โมนิก้า” ต้องออกมาย้ำหัวหมุดอีกรอบแบบเนื้อๆ เน้นๆ คงเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการแกว่งตัวไปมาของดัชนี ซึ่งแสดงให้เห็นว่า นักลงทุนสถาบันยังแทงกั๊ก โบรกเกอร์ยังชอบเล่นทีเผลอ แมงเม่ายังตะลุยเป็นรอบๆ ภาพการลงทุนถึงอยู่ในลักษณะ “ขึ้นไม่สุด ลงไม่หนัก” พร้อมกับแกว่งตัวออกด้านข้างมาระยะหนึ่ง มันเป็นภาพสะท้อนที่ทำให้รู้ว่า ได้เวลาตั้งหลักใหม่แล้วจริงๆ นะคะ


*ประเด็นที่ทำให้ “โมนิก้า” ต้องออกมาย้ำหัวหมุดอีกรอบแบบเนื้อๆ เน้นๆ คงเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการแกว่งตัวไปมาของดัชนี ซึ่งแสดงให้เห็นว่า นักลงทุนสถาบันยังแทงกั๊ก โบรกเกอร์ยังชอบเล่นทีเผลอ แมงเม่ายังตะลุยเป็นรอบๆ ภาพการลงทุนถึงอยู่ในลักษณะ “ขึ้นไม่สุด ลงไม่หนัก” พร้อมกับแกว่งตัวออกด้านข้างมาระยะหนึ่ง มันเป็นภาพสะท้อนที่ทำให้รู้ว่า ได้เวลาตั้งหลักใหม่แล้วจริงๆ นะคะ

*วันนี้ถึงอยากให้แฟนคลับ “ข่าวหุ้น” ลองมองเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับตลาดหุ้นไปข้างหน้า 1 สัปดาห์มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง? และตัวแปรดังกล่าวส่งผลต่อการลงทุนอย่างมีนัยสำคัญหรือไม่? หากไม่สามารถประเมินเรื่องดังกล่าวได้อย่างแตกฉาน “โมนิก้า” ขอแนะนำให้ผู้เล่นหยุดคิดเรื่องต่างๆ สักนิดหนึ่ง ต่อจากนั้นค่อยเริ่มคิดว่า เอาอย่างไรกับการแกว่งตัวของหุ้นเจ้าค่ะ

*เนื่องจากอาการแกว่งตัวไปมาตลอดทั้งวัน ก่อนจะลงเอยด้วยการปิดที่ 1,493.08 จุด ลบไป 5.57 จุด ด้วยมูลค่า 5.44 หมื่นล้านบาท มันเป็นเพียงการยื้อสถานการณ์ไม่ให้แย่ลงแค่ชั่วคราว เพราะของมันเห็นกันอยู่แล้วว่า ทฤษฎีหุ้นขึ้นก่อนเลือกตั้งที่มีมาอย่างยาวนาน มันใช้ไม่ได้กับสถานการณ์ปัจจุบัน และเมื่อมองข้ามไปถึงความยุ่งเหยิงของการประชุมโอเปก ก็กลายเป็นแรงกดดันต่อตลาดหุ้นด้วยเช่นกันพะยะค่ะ

*ด้วยเหตุนี้ถึงเห็นหุ้นบลูชิพบางตัวในกระดาน most active มีแรงเทขายถล่มออกมาตลอดทั้งวัน และถ้าดูยอดขายสุทธิให้ดีจะเห็นว่า วานนี้ฝรั่งตาน้ำข้าวทิ้งหุ้นออกมาอีก 2 พันล้านบาท และเมื่อรวมตั้งแต่วันที่ 1-3 พ.ย. 59 ก็มียอดเทขายทิ้งหุ้นไปทั้งสิ้น 4.38 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นจังหวะที่กดดันบรรยากาศการลงทุนมากพอสมควร แถมกองทุนตัวแสบชอบเล่นแบบตีหัวเข้าบ้าน เลยทำให้หุ้นบลูชิพนอนหงายเก๋งไงล่ะค่ะ

*ขนาดหุ้นทีเด็ดทีขาดอย่าง AOT กลับโดนรินหุ้นออกมาเรื่อยๆ จนล่าสุดลงมายืนอยู่ที่ 372 บาท ลบไป 6 บาท หรือลงไป 1.60% ด้วยมูลค่า 1.66 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นเคราะห์หามยามร้ายของหุ้นมากกว่าปัจจัยพื้นฐาน เพราะเป็นช่วงที่ฝรั่งกำลังถอนทุนเพื่อเอากำไรมานอนกอด ทิศทางของหุ้นถึงค่อยๆ โค้งตัวลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจไม่ใช่น้อย แต่ไม่รู้จะช่วยอย่างไรเจ้าค่ะ

*เหมือนกับในรายของเจ้าจำปี THAI โดนเทขาย 3 วันติด จนล่าสุดหุ้นมายืนอยู่ที่ 25.75 บาท ลบไป 1.25 บาท หรือลงไป 4.60% ด้วยมูลค่า 1.38 พันล้านบาท พร้อมกับปรากฏสัญญาณอีกา 3 ตัว “โมนิก้า” ถือเป็นลางบอกเหตุที่นักเล่นต้องรู้จักไหวตัวให้ทัน และตัวชี้ขาดเรื่องดังกล่าวก็อยู่ที่แรงซื้อวันนี้จะหนุนให้หุ้นกลับขึ้นไปบวกได้ไหม? หากไม่เป็นเหมือนที่ว่าไว้ หุ้นจะหลุดแนวรับสำคัญลงมาเป็นวันแรก และอาจไหลลงไปถึง 20 บาทเพื่อปิดแก๊ปที่เปิดไว้นะจ๊ะ

*ประเด็นดังกล่าวสอดคล้องกับท่าทีของ IVL ซึ่งฟอร์มตัวเป็นการขึ้นในลักษณะ side way up ซึ่งมียอดใหม่ที่สูงกว่าเดิมทุกครั้ง และจุดต่ำสุดของแต่ละรอบก็สูงกว่าครั้งก่อน “โมนิก้า” ถึงไม่ค่อยวอรี่กับการอ่อนตัวสักเท่าไหร่ ถึงแม้หุ้นจะอ่อนตัวลงมายืนที่ 31.25 บาท ลบไป 1.25 บาท หรือลงไป 3.80% ด้วยมูลค่า 2 พันล้านบาท แต่แพทเทิร์นของหุ้นก็ยังเหมือนเดิม และประเด็นที่ต้องกังวลจริงๆ มีแค่ ฝรั่งขายออกมาอีกไหม…หากไม่ทุบแรงๆ หุ้นก็เด้งขึ้นได้อีกนะคะ

*เม้าท์ถึงหุ้นที่เด้งขึ้นแรงๆ ทีไร “โมนิก้า” ต้องหันกลับไปมองอดีตดาวรุ่งพุ่งแรงในช่วงปี 2543 ซึ่งตอนนั้นเป็นหุ้นที่มีคนเข้ามาตะลุมบอนกันเยอะแยะไปหมด เดินไปทางไหน ก็มีแต่คนพูดถึงไม่ขาดสาย แต่หลังจากนั้นก็หายเงียบไปเป็น 10 ปี ล่าสุดแสดงอภินิหารด้วยการเด้งขึ้นมาปิดที่ 13 บาท บวกไป 2.40 บาท หรือขึ้นไป 22.60% ด้วยมูลค่า 515 ล้านบาท แถมเป็นการบวกแรง 2 วันติดแบบนี้…เดี๊ยนหวังว่า คงจะไม่ดังตูมเดียว แล้วหายเงียบไปอีกนะ…อิอิอิ

*เช่นเดียวกับในรายของหุ้นทีเด็ด SCI ทะยานขึ้นแรงเป็นบางวัน หลังจากนั้นก็แกว่งตัวทดสอบแรงเทขาย ก่อนจะระเบิดขึ้นไปอีกรอบนั้น “โมนิก้า” ถือเป็นเกมที่น่าติดตามไม่แพ้กับหุ้นตัวอื่นๆ เพราะในระหว่างทางขาขึ้นได้ทำการเปิดแก๊ปไว้ประมาณ 2 แห่ง วันนี้ถึงต้องลุ้นให้มีแรงซื้ออัดเข้ามาอีก เพื่อทำให้อยู่ในทรงขาขึ้นเต็มตัว หลังหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 10.50 บาท บวกไป 0.75 บาท หรือขึ้นไป 7.70% ด้วยมูลค่า 240 ล้านบาท มันเป็นการเปิดตัวที่สวยหรูนะซี

*ของแท้แน่นอนที่ต้องเอ่ยถึงอีกครั้งกลายเป็น EA เพราะวันนี้เป็นหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคป 1 แสนล้านบาทอย่างเต็มตัว และการขึ้นมาถึงจุดนี้ได้อย่างเป็นทางการ ย่อมมีของดีอย่างไม่ต้องสงสัย! หากใช้จินตนาการส่วนตัวของเดี๊ยนมองกำไรต่อหุ้นในครึ่งปีหลังทำได้เท่ากับครึ่งปีแรก (0.46+0.46 = 0.92) เทียบกับ P/E 40 เท่า ก็จะได้ราคาเป้าหมาย 36 บาท ย่อมทำให้ราคาปิดที่ 28.75 บาท บวกไป 0.25 บาท ด้วยมูลค่า 560 ล้านบาท เป็นจุดที่น่าสนใจไม่ใช่น้อย…เชื่อ หรือ ไม่เชื่อ ก็คิดกันเองได้นะคะ

*เหมือนกับในรายของ ABICO วันนี้กลับมาเล่นใหม่อีกรอบ แถมเป็นการดันราคาหุ้นแบบสุดลิ่มทิ่มประตู จนราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 12.50 บาท บวกไป 1.30 บาท หรือขึ้นไป 11.60%  ด้วยมูลค่า 310 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่ต้องมองด้วยเหตุผล พร้อมกันนี้อย่าลืมว่า การเล่นเที่ยวนี้มันมาจากงบ 6 เดือนของปี 59 ทำได้สูงกว่างบกำไรทั้งปี 58 แถมค่า P/E ล่าสุดอยู่แค่ 22 เท่า ยิ่งบิวด์อารมณ์ผู้เล่นในทันที แต่ขอบอกไว้เลยว่า หุ้นตัวนี้ชอบ “ถูกลาก ถูกทุบ” เจ้าค่ะ

*ส่วนมาแรงแซงทางโค้งอย่างหุ้น UKEM ถือเป็นอีกหนึ่งกิมมิคที่น่าสนใจสำหรับคนกล้า จู่ๆ หุ้นเด้งขึ้นมาปิดที่ 1.28 บาท บวกไป 0.11 บาท หรือขึ้นไป 9.40% ด้วยวอลุ่มหนาแน่นอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน “โมนิก้า” ถือเป็นช็อตที่ต้องหันไปมองยอดเก่า 1.40 บาทในทันที พร้อมกันนั้นก็เป็นการพิสูจน์ให้รู้ว่า เที่ยวนี้เป็น “ของจริง” หรือ “ของเก๊” และอาจมองข้ามช็อตไปถึง 1.50 บาทได้อีกด้วย…ไม่เชื่อดูกราฟเทคนิคซิค่ะ

Back to top button