SETบ่ายผันผวนรอผลเลือกตั้งสหรัฐฯแนะเล่นรายตัวชู EA-TMB หุ้นดาวเด่น

SETบ่ายผันผวนรอผลเลือกตั้งสหรัฐฯแนะเล่นรายตัวชู EA-TMB หุ้นดาวเด่น


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน ตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ภาคเช้า (4 พ.ย.)ปรับตัวลงตามตลาดเอเชีย เหตุกังวลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งมีความไม่แน่นอนและอาจทำให้ตลาดหุ้นเกิดความผันผวนได้ นักลงทุนจึงขายเพื่อลดความเสี่ยง บ่ายนี้หากตลาดหุ้นในยุโรปเปิดบวกก็อาจทำให้ตลาดหุ้นไทยลดช่วงลบได้บ้าง

 

นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราพห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงเช้าที่ผ่านมาดัชนีปรับตัวลดลง เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคที่ปรับตัวลดลง เนื่องจากมีความกังวลจากความไม่แน่นอนในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทำให้นักลงทุนวิตกถึงความผันผวนของตลาดหุ้น จึงขายหุ้นและถือเงินสดแทน เพื่อลดความเสี่ยงและรอดูความชัดเจนก่อน

แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ ตลาดหุ้นไทยจะยังคงมีแรงกดดันจากแรงขายอยู่ แต่หากในกรณีที่ตลาดหุ้นในยุโรปเปิดมาในช่วงบ่ายปรับตัวขึ้น คาดว่าจะมีผลทำให้ตลาดหุ้นไทยติดลบน้อยลงจากช่วงเช้าพร้อมให้แนวต้าน 1,494 จุด แนวรับ 1,480 จุด

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (4 พ.ย.) ว่า การ Risk-off ของนักลงทุนก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นโลก และ SET ต่อเนื่องวันนี้ โดยเฉพาะกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่อย่างกลุ่มธนาคาร พลังงาน และขนส่ง อย่างไรก็ดี SET ยังไม่หลุดกรอบ Sideways ด้านล่างที่ให้ไว้บริเวณ 1,480 จุด

แนะนำ “ซื้อ” EA ด้วยเป้าหมายพื้นฐาน 32 บาท จาก 1) ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/59 เติบโตจากกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 2) เริ่มรับรู้ผลของการ Refinance หนี้ 8 พันล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 2.3% 3) กำไรปี 60 เติบโตแกร่งต่อเนื่อง 30% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนจากกำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานลมที่เข้าระบบปลายปีนี้ โดยทางเทคนิคมีรูปแบบ Cup with handle เป้าหมาย 30/32.5/35.0 บาท

นอกจากนี้ยังแนะนำ “ซื้อ” TMB ด้วยเป้าหมายพื้นฐาน 2.56 บาท จาก 1) Downside Risk จำกัด ปัจจุบันซื้อขายที่ PBV 1.1x ใกล้เคียงจุดต่ำสุดตั้งแต่ปี 2010 2) กำไร Bottom-out ในไตรมาส 3/59 โดยการตั้งสำรองที่ลดลงตั้งแต่ ไตรมาส 3/59 จะเป็นปัจจัยหนุนผลการดำเนินงานตั้งแต่ ไตรมาส 4/59 3) และ คาดว่ากำไรจะขยายตัว +10% ปีหน้า ส่วนในทางเทคนิคเคลื่อนไหวกรอบสามเหลี่ยม รอทะลุ 2.16 บาท

 

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่       

BANPU มูลค่าซื้อขาย  2,176.72 ล้านบาท ปิดที่  19.30 บาท ลดลง  0.40 บาท               

ESSO  มูลค่าซื้อขาย  1,186.92 ล้านบาท ปิดที่  11.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท            

IVL   มูลค่าซื้อขาย    882.59 ล้านบาท ปิดที่  31.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท

BPP   มูลค่าซื้อขาย    821.06  ล้านบาท ปิดที่ 27.75 บาท ลดลง  0.25 บาท

BCPG  มูลค่าซื้อขาย    729.08  ล้านบาท ปิดที่ 14.90 บาท ลดลง  0.30 บาท

Back to top button