“PLAY SAFE”โมนิก้าและทีมงาน
* หลังจากนั่งเฝ้ากระดานหุ้นเมื่อวันศุกร์ “โมนิก้า” ต้องขอย้ำอีกรอบว่าใครที่ยังอ่านเกมการเมืองไม่ออกคงต้องให้ระมัดระวังกันเอาไว้บ้าง โดยใช้ “สติก่อนสตาร์ท” กันสักหน่อยนะเจ้าค่ะ เพราะตลาดหุ้นไทยยังคง “ลุ่มๆ ดอนๆ” ไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลกที่ปรับตัวลงกันถ้วนหน้า จากแรงเทขายเพื่อลดความเสี่ยงช่วงระยะเวลารอความชัดเจน โดยอย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่าสัปดาห์นี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีในสหรัฐ
* หลังจากนั่งเฝ้ากระดานหุ้นเมื่อวันศุกร์ “โมนิก้า” ต้องขอย้ำอีกรอบว่าใครที่ยังอ่านเกมการเมืองไม่ออกคงต้องให้ระมัดระวังกันเอาไว้บ้าง โดยใช้ “สติก่อนสตาร์ท” กันสักหน่อยนะเจ้าค่ะ เพราะตลาดหุ้นไทยยังคง “ลุ่มๆ ดอนๆ” ไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลกที่ปรับตัวลงกันถ้วนหน้า จากแรงเทขายเพื่อลดความเสี่ยงช่วงระยะเวลารอความชัดเจน โดยอย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่าสัปดาห์นี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีในสหรัฐ
* โดยหากถามเรื่องการเลือกตั้งมีผลต่อตลาดหุ้นไทยมากน้อยแค่ไหน “เดี๊ยน” บอกได้คำเดียวว่าสถิติย้อนหลัง 9 ครั้งที่ผ่านมา หุ้นไทยปรับตัวลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มิหนำซ้ำภายหลังการเลือกตั้งเสร็จสิ้นยังปรับตัวขึ้นแรงอีกด้วย ส่วนการเลือกตั้งคราวนี้จะออกมารูปแบบ “เดิมๆ” หรือไม่สัปดาห์นี้รู้กันค่ะ
*ด้านตลาดหุ้นไทยเมื่อวันศุกร์ก็ยังถูกเทขายออกมาต่อเนื่อง โดยดัชนีมาปิดที่ 1,485.70 จุด ลบไป 7.38 จุด ด้วยมูลค่า 5.08 หมื่นล้านบาท เป็นเพราะฝรั่งยังขยันทิ้งหุ้นไทยออกมาไม่หยุดไม่หย่อน มีการเทขายสุทธิออกมาอีก 1.4 พันล้านบาท รวมทั้งสัปดาห์ทิ้งหุ้นไทยแล้วทั้งสิ้น 5.78 พันล้านบาท ไม่เว้นแม้กระทั่งหุ้นบลูชิพที่ถูกขายออกมาอย่างเมามัน อย่างกับว่ายังขายหุ้นไม่หนำใจ ถึงแม้จะอยู่ในช่วงที่บจ.ประกาศผลไตรมาส 3 ออกมาให้ชื่นใจกันไปบ้างแล้ว แต่ก็ยังช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ เจ้าค่ะ
* ประเด็นดังกล่าวสอดคล้องกับ BIG ที่อวดงบไตรมาส 3/59 ออกมาอย่างสวยหรู ด้วยการพลิกมีกำไร 125.73 ล้านบาท จากปีก่อนขาดทุน 2.54 ล้านบาท แต่ราคาหุ้นกลับร่วงมาปิดที่ 4.66 บาท ลบไป 0.06 บาท หรือลงไป 1.27% ด้วยมูลค่า 138.87 ล้านบาท ก็แหงล่ะเหล่า “นกรู้” เขาขายของเก็บเงินเข้ากระเป๋าไปเต็มๆ หลังทยอยซื้อตั้งแต่ราคายังอยู่ที่ราวๆ 3.60 บาท โน้นนนนแน่ะ ก็แบบนี้แหละเจ้าค่ะที่เขาเรียกกันว่า“sell on fact”
*เหมือนกับในรายของ BA ที่ยังโดนเทขาย ล่าสุดราคาหุ้นปิด 24.30 บาท ลบไป 0.30 บาท หรือลงไป 1.22% มูลค่า 144.42 ล้านบาท ทั้งๆ ที่เดี๊ยนเห็นว่า ทางนักวิเคราะห์แห่กันประเมินผลประกอบการในไตรมาส 3 จะออกมาดี รวมถึงเวลานี้เป็นช่วงนาทีทอง เพราะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นการท่องเที่ยวโดยเฉพาะที่เกาะสมุย ซึ่งคงช่วยผลักดันกำไรในไตรมาส 4 ดียิ่งขึ้นไปอีก และยังมีสิ่งที่น่าสนใจ คือ P/E อยู่ที่ 25.07 เท่า ซึ่งยังต่ำกว่ากลุ่มการบิน เห็นแบบนี้แล้วใครสนใจก็รีบบินมาซื้อด่วนอาจได้ของถูก ณ ช่วงเวลานี้นะจ๊ะ
* ส่วนรายนี้ไม่พูดถึงเห็นทีจะไม่ได้กับESSO ที่ออกมายืน “กระต่ายขาเดียว” ว่าไม่มีอะไรในกอไผ่แน่นอน เป็นการเข้าเก็งกำไรอิงจากกระแสข่าวเดิมๆ ที่คาดยอดขายน้ำมันค้าปลีกกลับมาเติบโตเท่าตลาด เป็นแรงขับเคลื่อนให้ราคาหุ้นเดินหน้าต่อเนื่อง ทุบสถิตินิวไฮในรอบ 3 ปีกว่า มาปิดที่ 12.50 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 8.70% ด้วยมูลค่า 2.39 พันล้านบาท แต่ราคาปรู๊ดปร๊าดขนาดนี้เดี๊ยนว่าจะเชื่อดีไหมขอสามคำ
* ขณะที่ STPI ราคาขึ้นมายืนเหนือ 10 บาทเป็นที่เรียบร้อย โดยขึ้นมาปิดที่ 10.20 บาท บวก 0.50 บาท หรือขึ้นไป 5.15% ด้วยมูลค่า 702.86 ล้านบาท เห็นทรงแบบนี้เดี๊ยนเชื่อว่าผู้ถือหุ้นคงเริ่มยิ้มออกกันบ้าง หลังราคาซึมอยู่พักใหญ่ที่สวนทางกับผลประกอบการของบริษัทที่มีรายได้สม่ำเสมอและกำไรดีต่อเนื่อง ด้วยราคาปัจจุบันซึ่งที่อยู่ในระดับที่ถูก อัพไซด์เปิดกว้าง แถมปันผลปีละไม่ต่ำกว่า 6% ช่วงนี้น้ำขึ้นก็ให้รีบตัก เพราะไม่รู้ว่ารอบหน้าจะมาถึงอีกเมื่อไหร่…อิอิ
*สำหรับ BTW หายหน้าหายตาไปนาน ในที่สุดก็กลับมาอีกครั้ง ไม่ทำให้แฟนๆ ผิดหวัง เพราะไปคว้างานก่อสร้างโรงไฟฟ้า 3 โครงการ มูลค่ารวม 372 ล้านบาท คาดเริ่มบุ๊ครายได้ปี 60 แถมอยู่ระหว่างเจรจารับงานก่อสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มอีก งานนี้ราคาหุ้นที่เป็นขาลงมาเกือบ 4 เดือน เห็นทีจะเริ่มขยับขึ้นรอบใหม่ไปพร้อมสัญญาณทางเทคนิคที่เป็นใจหนุนให้ไปต่อเพื่อทดสอบไฮเดิม 4 บาท ได้ไม่ยาก โดยราคาหุ้นมาปิดที่ 3.64 บาท บวก 0.32 บาท หรือ 9.64% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 86.22 ล้านบาท เห็นลู่ทางอย่างนี้ให้ไวค่ะ
*เช่นเดียวกับ PDI รายนี้ก็ซุ่มเงียบเหมือนกัน เพราะเผลอแป๊ปเดียวราคาวิ่งไปขึ้นแตะระดับที่ 15.10 บาท บวก 1 บาท หรือ 7.09% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 61.06 ล้านบาท แหมก็ได้รับปัจจัยหนุนโซลาร์ฟาร์มแห่ง 2 ในญี่ปุ่น 10.5 MW นี่น่ะคาดเริ่ม COD ในไตรมาส 2/60 อีกทั้งราคาสังกะสีทำนิวไฮในรอบ 5 ปี ราคาหุ้นเลยขึ้นแรงไม่หยุดมา 3 สัปดาห์ แต่ “โมนิก้า” ขอเตือนใครที่คันไม้คันมืออยากเข้ามาลองชิมหุ้นตัวนี้ เห็นทีต้องพักไว้ก่อนเพราะเวลานี้สัญญาณทางเทคนิคมันฟ้องว่าราคาหุ้นเริ่มเข้าเขตซื้อมากเกินไปแล้วค่ะ
* ตบท้ายกันด้วยSMT อีกรายที่ราคาเด้งแรงไม่เบาขึ้นมาปิดที่ 6.95 บาท บวก 0.40 บาท หรือ 6.11% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 123.20 ล้านบาท แน่นอนราคาหุ้นที่แรงขนาดนี้ เดี๊ยนบอกเลยว่ามีข่าวดีมาจ่ออยู่เต็มประตูไม่ว่าจะเป็นทิศทางธุรกิจครึ่งปีหลังสดใส หลังขยายกำลังการผลิต แถมมีออเดอร์ทะลัก ตั้งแต่เปลี่ยนกลยุทธ์หันไปผลิตสินค้าหลักที่มีมาร์จิ้นสูง ทำให้ปีนี้จะล้างขาดทุนสะสมได้หมด และกลับมามีกำไรได้แน่นอนด้วยค่ะ