ยิ่งสูง ยิ่งหนาวโมนิก้าและทีมงาน

*ดูเหมือนความสามารถของนักลงทุนรายย่อยจะเปี่ยมล้นไปด้วยคุณภาพ “โมนิก้า” ถึงไม่ค่อยได้ยินใครบ่นเรื่อง “ซื้อๆ ขายๆ” หุ้นในช่วงตลาดหุ้นผันผวน เพราะสามารถเอาตัวเองรอดจากปัญหาสารพันได้อย่างยอดเยี่ยมกระมัง จึงกลายเป็นจังหวะกระหน่ำขายหุ้นเพื่อลงจากดอย แต่บางคนก็สามารถเทขายหุ้นทำกำไร พร้อมกับกวาดเงินเข้ากระเป๋าได้อย่างสบายใจเฉิบนะคะ


*ดูเหมือนความสามารถของนักลงทุนรายย่อยจะเปี่ยมล้นไปด้วยคุณภาพ “โมนิก้า” ถึงไม่ค่อยได้ยินใครบ่นเรื่อง “ซื้อๆ ขายๆ” หุ้นในช่วงตลาดหุ้นผันผวน เพราะสามารถเอาตัวเองรอดจากปัญหาสารพันได้อย่างยอดเยี่ยมกระมัง จึงกลายเป็นจังหวะกระหน่ำขายหุ้นเพื่อลงจากดอย แต่บางคนก็สามารถเทขายหุ้นทำกำไร พร้อมกับกวาดเงินเข้ากระเป๋าได้อย่างสบายใจเฉิบนะคะ

*โดยหนึ่งในกลุ่มผู้เล่นที่สามารถพลิกเกมเป็นฝ่ายทำกำไรอย่างเต็มตัวเที่ยวนี้กลายเป็นฝรั่งตาน้ำข้าว หลังเทขายหุ้นในช่วงที่ดัชนียกตัวมาระยะหนึ่ง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ประเมินกันว่า นักเล่นกลุ่มนี้จะเป็นผู้ซื้อสุทธิของตลาดหุ้นไทย “โมนิก้า” ถือเป็นเกมที่บรรดาแมงเม่าต้องอ่านให้ออก เพราะพฤติกรรมที่เกิดขึ้นในเที่ยวนี้ ช่างตรงกันข้ามกับคำบอกเล่าของก๊วนผู้รู้เลยเจ้าค่ะ

*นั่นหมายความว่า ไม่ว่าใครจะมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ ไม่มีผลทำให้ฝรั่งตาน้ำข้าวหวนกลับเข้ามาซื้อหุ้นใช่ไหม? ถ้าเป็นเหมือนเช่นที่เกริ่นนำให้ฟัง นักเล่นย่อมถอดรหัสพฤติกรรมการเล่นหุ้นเที่ยวนี้ออกทันทีว่า “ยิ่งสูง ยิ่งหนาว” ผู้เล่นหลักไม่ต้องการนอนกอดหุ้น และทางเลือกดีสุดคือ การสลับหุ้นเล่นไปเรื่อยๆ จึงเน้นเข้าทำเฉพาะในช่วงที่หุ้นเด้งขึ้นไงล่ะค่ะ

*วานนี้ถึงเห็นดัชนีวิ่งขึ้นมาปิดที่ 1,509.84 จุด บวกไป 7.57 จุด  ด้วยมูลค่า 6.49 หมื่นล้านบาท โดยฝรั่งตาน้ำข้าวเทขายหุ้นออกมา 130 ล้านบาท ส่วนแมงเม่าปล่อยของมา 1.44 พันล้านบาท ขณะที่กองทุนตัวแสบไล่เก็บหุ้น 1.35 พันล้านบาท และที่เหลือ 215 ล้านบาท เป็นการเข้าซื้อของปอบผีฟ้า “โมนิก้า” ขอถามผู้รู้สักนิดหนึ่งว่า จะอธิบายปรากฏการณ์นี้อย่างไรดีค่ะ

*เหมือนกับปรากฏการณ์ของหุ้น TRUE กระชากขึ้นมาปิดที่ 7.45 บาท บวกไป 0.70 บาท หรือขึ้นไป 10.40% ด้วยมูลค่า 6.87 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่ไม่ปกติอย่างแน่นอน เพราะการเด้งขึ้นอย่างฉับพลันในเที่ยวนี้ มันตีความได้ทันทีว่า นี่เป็นเกมลากหุ้นแบบหน้าด้านๆ ซึ่งเป็นการยั่วยวนอารมณ์นักโหนกระแสได้เป็นอย่างดี และถ้าดูตามสูตรเคาะ 3 ขาย 1 วันนี้ต้องใส่เต็มตัวเจ้าค่ะ

*ตัวอย่างที่ใช้สำหรับการเปรียบเทียบในเที่ยวนี้คือพ่อดอกมะลิ JAS ก่อนหน้านี้ก็ย่ำต๊อกต๋อยแถว 4 บาท แต่ทันทีที่พ่อยอดยาหยีเปิดเกมการเงินเพื่อบิวด์อารมณ์ราคาหุ้น บรรดานักลงทุนก็เห็นระบบแบบแผนได้ชัดเจนขึ้น และหนึ่งในผู้ที่อยู่เบื้องหลังก็คือทีมงานภายใต้ร่มเงาแบงก์ตราใบโพธิ์ SCB “โมนิก้า” ถึงต้องการให้แฟนคลับมองราคาหุ้นที่อ่อนตัวลงมาปิดบริเวณ 9.65 บาท ลบไป 0.10 บาท ด้วยมูลค่า 3.47 พันล้านบาท มันเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ หรือมีคนจงใจให้เป็นเช่นนั้น…คนที่เล่นหุ้นตัวนี้เท่านั้นที่รู้นะคะ

*เช่นเดียวกับในรายของ ESSO มีบางฝ่ายเริ่มปริปากพูดถึงเรื่องลึกลับซับซ้อนออกมาเป็นระลอก แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครกล้ายืนยันประเด็นเทคโอเว่อร์ “โมนิก้า” ก็รู้ได้ทันทีว่า คนทำหุ้นไม่ยอมให้หุ้นลง เพราะยังมีบางเรื่องยังจัดการไม่เสร็จสิ้น วานนี้ถึงเห็นหุ้นอ่อนตัวลงมาถึงระดับ 10.70 บาท แต่สุดท้ายดันกลับขึ้นมาปิดที่ 12.50 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 4.20% ด้วยมูลค่า 3.37 พันล้านบาท…ใครเป็นตัวแสบของเรื่องนี้ น่าจะดูได้จากสรุปซื้อขายประจำวันเจ้าค่ะ

*เม้าท์ถึงเรื่องไม่สมเหตุสมผลขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอเล่าถึงท่าทีของหุ้น ADVANC เพื่อบอกเล่ากับแฟนคลับให้ได้รู้ว่า กำไรไตรมาส 3 ลดลงฮวบฮาบ พร้อมกับมีคำอธิบายในทำนองที่ว่า มีคนเปิดใช้เบอร์ใหม่น้อยลง ต้นทุนการทำธุรกิจสูงขึ้น เดี๊ยนถึงสงสัยว่า หุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 153 บาท บวกไป 2 บาท ด้วยมูลค่า 1.37 พันล้านบาท มันใช่เรื่องที่ถูกต้องแล้วเหรอ? ก็ในเมื่อเห็นกันทนโท่ว่า โดนตีกรอบในการทำธุรกิจ สวิตช์ไปตัวอื่นก่อนดีไหมจ๊ะ

*ส่วนที่เละเป็นโจ๊กเหมือนกัน “โมนิก้า” ขอพุ่งเป้าไปที่หุ้น TASCO เพื่อทำให้แฟนคลับได้รับรู้อีกครั้งหนึ่งว่า ช่วงไหนที่ผู้บริหารเดินสายเปิดตัวหนักๆ ช่วงนั้นมีข่าวดีเกี่ยวกับผลงานแน่ๆ แต่ช่วงไหนหายเงียบเข้าไปในกลีบเมฆ ลากเท่าไหร่ก็ไม่ยอมออกมาจากรูสักที ช่วงนั้นผลงานตกต่ำสุดขีดอย่างแน่นอน จึงกลายเป็นหุ้นบลูชิพที่โดนทิ้งหนัก วานนี้ถึงเห็นหุ้นลงมาปิด 18.20 บาท ลบไป 0.50 บาท ทั้งที่ต้นปียืนอยู่ที่ 40 บาท ก็มาจากกำไรไตรมาส 3 ลดลง 70% นะซี

*เช่นเดียวกับในรายของ BCPG กลายเป็นหุ้นน้องใหม่ที่น่าผิดหวังมากที่สุดแห่งปี จากก่อนหน้านี้ทำท่าเหมือนจะได้ใจผู้คนมากมาย แต่ทันทีที่กำไรไตรมาส 3 ลดฮวบ “โมนิก้า” ถึงเกิดอาการเข่าทรุดขึ้นมาในทันที เพราะดันไปหลงเชื่อการสร้างสตอรี่ของบางคนเข้าให้ จึงขอตามจิกข้อมูลหุ้นตัวนี้ไม่ปล่อย เพราะการทรุดตัวลงมาปิดที่ 14.90 บาท ลบไป 0.90 บาท หรือลงไป 5.70% ด้วยมูลค่า 1.72 พันล้านบาท มันเป็นเพียงปฐมบทของขาลงกระมัง!

*สอดคล้องกับท่าทีของ BPP อุตส่าห์ดันราคากันมาแทบตาย จู่ๆ ดันทิ้งหุ้นกันออกมาดื้อๆ จนหุ้นลงมาปิด 26.75 บาท ลบไป 1.25 บาท หรือลงไป 4.50% ด้วยมูลค่า 1.46 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นอีกหนึ่งเกมอันตรายที่แมงเม่าควรถอยฉากออกมาก่อน เพราะสิ่งที่เห็นในเที่ยวนี้มันเหมือนงานเลี้ยงโต๊ะจีนเลิกแล้ว จึงอย่าคาดหวังอะไรกันมากหนัก พลาดขึ้นมาจะได้ไม่เสียใจเจ้าค่ะ

Back to top button