เก็บ 9 บจ.ดาวเด่น SET ขึ้นตามตปท.ตลาดมองบวกนโยบาย “ทรัมป์” หนุนศก.

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นตามตลาดโลกหลังการเลือกตั้งสหรัฐจบลงโดยนักลงทุนเริ่มกลับมามองนโยบายของทรัมป์ที่เป็นบวกต่อการขยายตัวเศรษฐกิจ ขณะที่ภาพรวมการลงทุนในตลาดส่วนใหญ่จะมีแรงเก็งกำไรผลประกอบการบริษัทที่คาดว่างบไตรมาส 3/59 จะออกมาดี เช่นเดิม


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.20 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.04 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ตามทิศทางของตลาดหุ้นนิวยอร์ก หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เนื่องจากนักลงทุนมีความหวังว่านโยบายของทรัมป์จะเอื้อประโยชน์ต่อภาคธุรกิจและช่วยหนุนเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นตามตลาดโลกหลังการเลือกตั้งสหรัฐจบลง โดยนักลงทุนเริ่มกลับมามองนโยบายของทรัมป์ที่เป็นบวกต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ขณะที่ภาพรวมการลงทุนในตลาดส่วนใหญ่จะมีแรงเก็งกำไรผลประกอบการบริษัทที่คาดว่างบไตรมาส 3/59 จะออกมาดี เช่นเดิม หุ้นเด่นเลือก BJC-CPALL-BEAUTY-CK-TWPC-IVL-BANPU-CK และ STEC

 

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (10 พ.ย.) ว่า ตลาดหุ้น Dow Jones “พลิก” ปิด +1.40% เมื่อคืนที่ผ่านมา แม้โดนัล ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ โดยนักลงทุนเริ่มกลับมามองนโยบายทรัมป์ ที่เป็น “บวก” ต่อการขยายตัวเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นการเน้นลงทุนในประเทศ, การจ้างงานในประเทศ, ลดภาษีเงินได้

SET มีแนวโน้มปรับสูงขึ้นตามตลาดหุ้นโลก วันนี้ด้วยเป้าหมาย 1,520 +/- จุด ขณะที่ประเมินทางสถิติ และพื้นฐาน SET กระทบ “จำกัด” หลังการเลือกตั้งสหรัฐฯ และให้ผลตอบแทนเป็นบวกสูง 71% หลังการเลือกตั้งไปแล้ว 3 เดือน

แนะนำ “ซื้อ” กลุ่มหุ้นที่อิงการบริโภค และลงทุนภายในประเทศ

1) Domestic Plays : “ซื้อ” BJC (กำไรดีกว่าคาด และมีลุ้นเพิ่มในดัชนี MSCI/SET50), CPALL (คาดกำไรไตรมาส 3/59 เติบโตแกร่ง) BEAUTY (คาดกำไรไตรมาส 3/59 เติบโตแกร่ง)

2) ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน : “ซื้อ” CK (ราคาหุ้นสะท้อนแค่มูลค่าธุรกิจลูกที่ 30.50 บาท/หุ้น) “เก็งกำไร” STEC

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (10 พ.ย.) คาด SET ยังเคลื่อนไหวผันผวนและมีโอกาสปรับขึ้นต่อ โดยได้ Sentiment เชิงบวกจากตลาดหุ้นต่างประเทศที่กลับมาฟื้นตัวหลังจากที่นายโดนัล ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งและได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ ส่วนความกังวลต่อนโยบายของทรัมป์คาดว่าจะส่งผลลบต่อธุรกิจในภาคส่งออก อาทิกลุ่ม Auto จากการลดความสำคัญของการค้าเสรี ส่วนกลุ่มที่จะได้ประโยชน์คือกลุ่มถ่านหินจากนโยบายสนับสนุนให้สหรัฐใช้ถ่านหินและปิโตรเลียมมากกว่าการใช้พลังงานทางเลือกช่วยเพิ่มดีมานด์ถ่านหินในตลาด และอีกกลุ่มที่ได้ประโยชน์คือกลุ่มที่มีธุรกิจในอเมริกา อาทิ IVL, TU และ EPG จะได้ประโยชน์หากสหรัฐลดภาษีเงินได้นิติบุคคล

นอกจากนี้ ภาพรวมการลงทุนในตลาดส่วนใหญ่คาดว่าจะมีแรงเก็งกำไรผลประกอบการบริษัทที่คาดว่างบไตรมาส 3/59 จะออกมาดี เช่นเดิม อาทิ TKN, BEAUTY, TACC, CBG, ASEFA และกลุ่มที่มีผลประกอบการไตรมาส 3/59 ออกมาดีเกินคาด MTLS และ TWPC ส่วนกลุ่มที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวที่น่าสนใจในวันนี้คือ กลุ่มยางพารา (STA และ TRUBB) ราคายางปรับขึ้นต่อเนื่อง และกลุ่มเดินเรือ (TTA, PSL, RCL) ดัชนีค่าระวางเรือเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดของปี

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy

หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : TWPC (ซื้อ/เป้า 9.50) แจ้งงบไตรมาส 3/59 ดีเกินคาด, IVL (ซื้อ/เป้า 38.00) เก็งกำไรงบไตรมาส 3/59 และมีธุรกิจอยู่ในสหรัฐอเมริกาคาดว่าจะได้ประโยชน์จากนโยบายภาษีของนายโดนัล ทรัมป์

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (10 พ.ย.) ว่า ตลาดเงินตลาดทุนยังไม่มั่นใจต่อแนวนโยบายของนายทรัมป์ที่ต่อต้านการค้าเสรี แต่ต้องรบแนวนโยบายที่ชัดเจนอีกครั้งหลังรับตำแหน่งในช่วงต้นปีหน้า ผลกระทบต่อภาคการค้าไทยน่าจะมาทางอ้อมมาก หากสหรัฐกีดกันการค้ากับจีนอย่างจริงจัง ขณะที่วานนี้ กนง. ยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 1.5 %

กลยุทธ์การลงทุน ประเมินดัชนีหุ้นไทยน่าจะแกว่งตัวในกรอบ 1,500 – 1,520 จุด แนะนำเทรดดิ้งตามกรอบ แนะนำซื้อ BANPU (ราคาเป้าหมาย 24.00 บาท) คาดทิศทางราคาถ่านหินยังทรงตัวระดับสูงในช่วงปีหน้า และซื้อกลุ่มรับเหมา CK , STEC รับปัจจัยบวกงานประมูลรถไฟทางคู่และรถไฟฟ้า

Back to top button