อนุรักษ์ปฏิรูปขี่พายุ ทะลุฟ้า
ตลาดหุ้นทั่วโลก (รวมทั้งตลาดหุ้นไทย) ตื่นตระหนกสุดขีดกับชัยชนะของโดนัลด์ ทรัมป์ แต่ก็แค่วันเดียวเท่านั้นแหละ
ชาญชัย สงวนวงศ์
ตลาดหุ้นทั่วโลก (รวมทั้งตลาดหุ้นไทย) ตื่นตระหนกสุดขีดกับชัยชนะของโดนัลด์ ทรัมป์ แต่ก็แค่วันเดียวเท่านั้นแหละ
ช่วงข้ามคืนเท่านั้น ตลาดหุ้นก็กลับมาเขียวไสวไปทั่วโลก โดยไม่เว้นแม้สักตลาดเดียว ช่างเป็นอารมณ์สวิงแบบสุดขั้ว ในระยะเวลาอันสั้นจุ๊ดจู๋เสียจริงๆ
เรื่องของนโยบาย เป็นเรื่องว่าด้วยผลประโยชน์แท้ๆ ย่อมมีส่วนได้-เสียของกลุ่มฝ่ายต่างๆ กลุ่มฝ่ายใดได้ประโยชน์ก็เชียร์ ส่วนกลุ่มใดเสียประโยชน์ก็เป็นธรรมดาจะต้องโวยวาย
คงจะมาตัดสินกันเอาเป็นเอาตายไม่ได้หรอกว่า นโยบายใดถูกนโยบายใดผิด กระบวนการยุติธรรมที่เป็นสากล ก็มักจะไม่ไปก้าวล่วงชี้ถูกชี้ผิดด้วย
กรณีของทรัมป์ อาจจะก่อเรื่องอกสั่นขวัญแขวน อาทิ จะสร้างกำแพงกันผู้อพยพตลอดแนวชายแดนเม็กซิโก การกีดกันชาวมุสลิมเข้าประเทศ ฯลฯ เป็นต้น
แต่ก็มีนโยบายที่ชาวอเมริกันชื่นชอบ คือการทวงคืนความยิ่งใหญ่และความมั่งคั่งกลับสู่อเมริกา และการไม่ออกไปทำสงครามนอกประเทศ
ซึ่งนับวันอเมริกายิ่งมีศัตรูทั่วโลกรวมทั้งความมั่งคั่งของตัวเองก็ลดน้อยถอยลง
ประการสำคัญที่สุดก็คือนโยบายอันจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอเมริกา นั่นก็คือสิ่งทรัมป์ประกาศว่า “ใครมีเงิน เราก็ค้าขายด้วย”
นี่ล่ะคือ “นิว โฮป” หรือ “ความหวังใหม่” ที่ช่วยเบรกสถานการณ์ตื่นตระหนกให้กลับคืนสู่ภาวะปกติโดยรวดเร็วได้
พลานุภาพของมัน ก็คงจะอุปมาอุปไมยได้กับนโยบาย “เปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า” ของน้าชาตินั่นแหละ
แต่นี่เป็นวาทะของผู้นำประเทศ ที่มีเศรษฐกิจอันดับ 1 ของโลก แรงสั่นสะเทือนย่อมทะลุทะลวงแผ่กว้างไพศาลไปทั่วโลก
นี่จะหมายถึงการเปลี่ยนนโยบายจากความมั่นคงนำหน้าเศรษฐกิจมาเป็นเศรษฐกิจนำหน้าความมั่นคงเสียล่ะกระมัง
ประกอบกับทรัมป์ เป็นนักธุรกิจที่ทำมาค้าขายเป็นและประสบความสำเร็จมาอย่างสูง คนอเมริกันจึงได้รับความหวังเต็มเปี่ยมว่า เศรษฐกิจจะกลับมารุ่งเรืองแน่ และคนจะมีงานทำ
ผิดกับฮิลลารีที่ไม่เคยมีธุรกิจอะไรเลย
อารมณ์ความรู้สึกก็คงจะประมาณตอนทักษิณชิงนายกฯ กับผู้นำพรรคประชาธิปัตย์ทั้งบัญญัติและอภิสิทธิ์กระมั้ง
พรรครีพับลิกัน ถ้าจะว่าไปแล้วก็คือพรรคแนวอนุรักษนิยม มีมุมมองด้านความมั่นคงตามคำนิยามแบบเก่าๆ คือความมั่นคงเหนืออื่นใด และก็หนีไม่พ้นนโยบายขยายแสนยานุภาพทางทหาร
ดูเผินๆ ทรัมป์ก็ออกแนวนั้น
แต่นี่กลายเป็นว่าทรัมป์เป็นนักอนุรักษนิยมที่ไม่นิยมสงคราม และเปิดประตูการค้าแบบสุดลิ่มทิ่มประตู ข้อจำกัดในการเลือกคบค้ากับใครก็คงจะลดน้อยถอยลงเป็นอันมาก
ทรัมป์จึงน่าจะเป็น “อนุรักษนิยมแนวปฏิรูป” ที่น่าจับตาดูกันต่อไป