JWD ปักธงพื้นที่ JCS เต็ม 100% ปี 60 หลังมีสัญญาณฟื้นตัวธุรกิจคลังสินค้า

JWD ปักธงพื้นที่ JCS เต็ม 100% ปี 60 หลังมีสัญญาณฟื้นตัวธุรกิจคลังสินค้า


นายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือJWD เปิดเผยว่า เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีโดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจคลังสินค้าอันตราย จากการเพิ่มขึ้นของปริมาณตู้คอนเทนเนอร์จัดเก็บสินค้าที่ผ่านเข้า-ออกภายในพื้นที่รับฝากสินค้าของ JWD และโครงการศูนย์กระจายสินค้าเคมีภัณฑ์ (JWD Chemical Supply Chain:JCS) ภายในพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี ที่เพิ่งเปิดดำเนินการเมื่อช่วงปลายเดือน ก.ค.ที่ผ่านมาได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการดังกล่าว โดยมีสัดส่วนการใช้พื้นที่แล้ว 40% และตั้งเป้าหมายใช้พื้นที่เต็ม 100% ภายในปี 60 ซึ่งจะสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทเพิ่มขึ้นปีละกว่า 30-40 ล้านบาท

สำหรับไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ บริษัทฯ มีแผนงานขยายฐานลูกค้ากลุ่มธุรกิจให้บริการรับฝากและบริหารยานยนต์ จากเดิมที่เคยให้บริการแก่กลุ่มผู้ผลิตยานยนต์ ไปสู่กลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ซึ่งช่วยสนับสนุนผลประกอบการให้กลับมาเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งต่อไป         

ด้านนายเอกพงษ์ ตั้งศรีสงวน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน  JWD กล่าวถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 3/59 บริษัทมีรายได้รวม 568.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ที่มีรายได้ 561.5 ล้านบาทและมีกำไรสุทธิก่อนหักประมาณการหนี้สินจำนวน 24.4 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ที่มีกำไรสุทธิ 7.7 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจที่มีการเติบโตและสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตาม บริษัทมีผลการดำเนินการขาดทุนสุทธิ 105.1 ล้านบาทในไตรมาส 3/59 เนื่องจากบริษัทได้พิจารณาอย่างรอบคอบและตัดสินใจตั้งค่าประมาณการหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นจำนวน 2 รายการ ได้แก่ 1. การตั้งประมาณการหนี้สินจากคดีความ หลังศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาให้ปรับเปลี่ยนวิธีการคิดดอกเบี้ย ส่งผลให้บริษัทฯ ต้องชำระค่าดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น โดยอยู่ระหว่างการยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อขอพิจาณาคดีต่อไป 

และ 2. การตั้งประมาณการหนี้สินจากการเรียกเก็บส่วนแบ่งค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมย้อนหลัง ระหว่างปี 53-58 จากการดำเนินธุรกิจคลังสินค้าอันตรายที่ท่าเรือแหลมฉบัง แม้ว่าขณะนี้ยังไม่ได้ข้อยุติ แต่บริษัทตัดสินใจบันทึกค่าใช้จ่ายอยู่ในไตรมาส 3/59 ทั้งหมด โดยเป็นการบันทึกเพียงครั้งเดียวซึ่งเป็นการยึดหลักการบริหารงานที่มีความโปร่งใสและหลักธรรมาภิบาลที่ดี        

ทั้งนี้ การเรียกเก็บส่วนแบ่งค่าธรรมเนียมย้อนหลังจากการดำเนินธุรกิจคลังสินค้าอันตรายภายในพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง ไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อการดำเนินธุรกิจคลังสินค้าอันตรายที่ JWD เป็นผู้ให้บริการแต่เพียงรายเดียว ภายใต้การดำเนินงานที่ได้มาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล  

ขณะที่ภาพรวม 9 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.ย.59) บริษัทมีรายได้รวม 1,679.2 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสุทธิ 51.4 ล้านบาท โดยหากตัดค่าใช้จ่ายจากการประมาณการหนี้สินทั้ง 2 รายการ จะพบว่าบริษัทฯ ยังมีความสามารถการทำกำไรสุทธิจากการดำเนินธุรกิจได้ดี โดยในช่วง 9 เดือนแรกทำได้ 78.1 ล้านบาท

Back to top button