TOP:ลุ้นผลงานไตรมาส 4/59 ดีขึ้นแนะนำถือราคาเป้าหมาย 65.00 บ.
TOPแนะนำถือ ให้ราคาพื้นฐาน 65 บาท ทั้งนี้มองว่าแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/59 จะดีขึ้น เทียบไตรมาสก่อนหน้า เพราะค่าการกลั่น GRM ที่จะกระเตื้องขึ้นในช่วงฤดูหนาว อย่างไรก็ตาม มีความเสี่ยงว่าถ้าเงินบาทอ่อนค่าจะทำให้บริษัทมีขาดทุนใน FX ได้
บล.ดีบีเอสฯ ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(14 พ.ย.) ว่า บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/59 ที่ 2.9 พันล้านบาท (1.44 บาท/หุ้น) ลดลง 62%เทียบไตรมาสก่อนหน้า แต่ดีขึ้นจากขาดทุนในไตรมาส 3/58 ซึ่งดีกว่าที่เราคาดการณ์ไว้เล็กน้อยเพราะมีรายการพิเศษช่วยหนุน เช่น กำไรจากการทำประกันความเสี่ยงสินค้าคงคลัง และกำไรจาก FX หากไม่รวมรายการดังกล่าว พบว่ากำไรที่เป็น Core profit จะลดลง 33% เทียบไตรมาสก่อนหน้า และ 11%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 2.8 พันล้านบาท สำหรับ 9M59 บริษัทมีกำไรสุทธิ 15.4 พันล้านบาท (7.56 บาท/หุ้น) เพิ่มก้าวกระโดด 83%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะมีกำไรจากสต็อกและ FX มาช่วยหนุน ขณะที่งวด 9M58 มีขาดทุนจากสต็อกจำนวนมาก ส่วน Core profit 9M59 ทรงตัว เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
การใช้กำลังการผลิตของแต่ละธุรกิจ – การใช้กำลังการผลิตโรงกลั่นลงมาสู่ระดับปกติที่ 107% ใน ไตรมาส 3/59 (จาก 109% ใน ไตรมาส 2/59) หลังโรงกลั่นกลับมาผลิตปกติ (ช่วง ไตรมาส 2/59 มีปิดซ่อมบำรุงกัน) ประกอบกับอุปสงค์ในประเทศอ่อนลง เทียบไตรมาสก่อนหน้า ตามปัจจัยฤดูกาล ทั้งนี้ TOP มีรายได้จากในประเทศคิดเป็น 85% ของรายได้โรงกลั่นทั้งหมด ส่วนการใช้กำลังการผลิตโรงงานอะโรเมติกส์ทรงตัว เทียบไตรมาสก่อนหน้า ด้านน้ำมันหล่อลื่นมีการปิดซ่อมโรงงานไป 1 เดือนในช่วงไตรมาส 3/59 ทำให้อัตรการใช้กำลังการผลิตลดลงเป็น 62% (จาก 84% ใน ไตรมาส 2/59)
ค่าการกลั่นรวม GIM ใน ไตรมาส 3/59 อ่อนลง เทียบไตรมาสก่อนหน้า เป็น 6.7 US$/bbl จาก 6.9 US$/bbl ในไตรมาส 2/59 เป็นเพราะค่าการกลั่น (GRM) ที่ต่ำลงเป็น 4.3 จาก 4.4 US$/bbl ในไตรมาส 2/59 และผลประกอบการของน้ำมันหล่อลื่นที่ชะลอตัวลง โดยส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์อ่อนลงเป็น 106 จาก 121 US$/ตันในไตรมาส 2/59 อย่างไรก็ดี ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ดีขึ้นเพราะต้นทุนวัตถุดิบต่ำลงซึ่งช่วยชดเชยกับการลดลงของธุรกิจอื่นและทำให้ GIM ไม่ได้ลดลงมาก
กำไรจากธุรกิจโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 10%เทียบไตรมาสก่อนหน้า และ 211%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังโรงไฟฟ้า SPP ขนาด 240 MW ผลิตเต็มที่ในไตรมาส 3 ปีนี้ (เริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ใน ไตรมาส 2/59)
แนะนำถือ ให้ราคาพื้นฐาน 65 บาท ทั้งนี้มองว่าแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/59 จะดีขึ้น เทียบไตรมาสก่อนหน้า เพราะค่าการกลั่น GRM ที่จะกระเตื้องขึ้นในช่วงฤดูหนาว อย่างไรก็ตาม มีความเสี่ยงว่าถ้าเงินบาทอ่อนค่าจะทำให้บริษัทมีขาดทุนใน FX ได้