CGH ทุ่ม 4 พันลบ. ซื้อโรงแรมในอังกฤษ รู้ผล Q2/60 รุกธุรกิจพลังงานทดแทนต่อเนื่อง
CGH ทุ่ม 4 พันลบ. ซื้อโรงแรมในอังกฤษ คาดรู้ผลภายใน Q2/60 เดินหน้าขยายธุรกิจพลังงานทดแทน ชู PDI อนาคตสดใส แผนปรับโครงสร้างรายได้เห็นผลปี 60
นายทอมมี่ เตชะอุบล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ CGH เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเข้าซื้อเจรจาโรงแรมในอังกฤษ มูลค่าประมาณ 3-4 พันล้านบาท โดยเป็นลักษณะซื้อเป็นกลุ่มธุรกิจ ขณะเดียวกันเจรจาซื้อธุรกิจโรงแรมไทยด้วย แต่คาดว่าการเจรจาในอังกฤษ น่าจะสรุปได้เร็วกว่า หรือในไตรมาส 1 หรือไตรมาส 2 ปี 60
“เรามีแผนซื้อโรงแรมในอังกฤษ ซึ่งศึกษามาระยะหนึ่งแล้ว เราดูกลุ่มโรงแรม 3-4 ดาว มี yield สูง รายได้สูง ได้รับผลกระทบ Brexit น้อย เราจะซื้อเป็นกรุ๊ป พร้อมทีมงานบริหาร”นายทอมมี่ กล่าว
นอกจากนั้น CGH ยังได้เจรจาเข้าซื้อธุรกิจพลังงานทดแทน (Renewable Energy) ในประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ใช่โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ บริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ PDI ลงทุนอยู่แล้ว ทั้งนี้ เป็นโครงการขนาดใหญ่ คาดว่าจะสรุปได้ในปีหน้า
ส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ผ่าน บริษัท คันทรี่ กรุ๊ป ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ CGD มีแผนซื้อโรงเรียนในไทยและประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อพัฒนาเป็นโรงเรียนนานาชาติ ต่อยอดธุรกิจศูนย์ศึกษาในไบร์เทนที่อังกฤษที่ได้เข้าซื้อกิจการมาแล้ว
ขณะที่ธุรกิจหลักทรัพย์นั้น หลังจากปรับลดขนาดธุรกิจด้วยการตัดขายสินทรัพย์ 23 สาขาในส่วนธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ให้กับบล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) รับรู้รายได้ 306 ล้านบาท หลังเห็นแนวโน้มรายได้จากค่านายหน้าลดลงจากการแข่งขันที่รุนแรง บริษัทก็จะให้ความสำคัญการลงทุน Prop. trade และจะมีการจัดสรรทีมงานวิเคราะห์ใหม่ให้แข็งแกร่ง เน้นไปที่บริการ Private Fund รวมทั้งจะเน้นรายได้ค่าธรรมเนียมจากงานที่ปรึกษาการเงิน (FA) มากขึ้นเพราะมีมาร์จิ้นสูง รวมทั้งปีนี้บริษัทเริ่มต้นเทรดตราสารหนี้และพันธบัตรที่ให้ผลตอบแทนดี
“ในปีนี้จะเป็นปีปรับโครงสร้างและลงทุน ปีหน้าก็ลงทุน และในปี 61 จะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ …บริษัทลูกจะโตก้าวกระโดในปี 60″นายทอมมี่ กล่าว
โดยบริษัทไม่มีปัญหาเรื่องเงินลงทุน เพราะปัจจุบัน CGH ไม่มีภาระหนี้ และมีเงินสดในมือกว่า 2 พันล้านบาท รวมทั้งสามารถกู้ได้ราว 6 พันล้านบาท
ทั้งนี้ ผลประกอบการในปี 60 ของกลุ่ม CGH นั้น สัดส่วนกำไรจากธุรกิจหลักทรัพย์ภายใต้ บล.คันทรี กรุ๊ป (CGS) จะลดลงเหลือ 30% จากปีนี้ยังสูงที่ประมาณ 50% สัดส่วนกำไรจาก PDI จะเพิ่มเป็น 50% จากปีนี้ 27% สัดส่วนกำไรจาก บลจ.เอ็มเอฟซี (MFC) ทรงตัวอยู่ที่ 15% ส่วนที่เหลือมาจากการลงทุนของ CGH
ส่วน CGD จะส่งกำไรมาให้ชัดเจนในปี 61 จากการโอนโครงการ Four Seasons Pirvate Residences ที่มียอดขายแล้ว 60% ของมูลค่าโครงการ 2 หมื่นล้านบาท มีจำนวน 350 ห้อง โดยมีลูกค้าต่างประเทศ 50% จากฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ และเตรียมจะเปิดการขายที่เซี่ยงไฮ้ นอกจากนี้ โรงแรมโฟร์ซีซั่นจะเปิดในไตรมาส 3 ปี 61 และ โรงแรม Capella จะเปิดในไตรมาส 4/60
โดยจากปีนี้ไป PDI จะมีผลกำไรสุทธิเติบโต 2 หลัก โดยปีนี้ราคาสังกะสีปรับตัวดีขึ้นมากมาแตะที่ราคา 2,475 เหรียญ/ตัน (16 พ.ย.59) และยังมีแนวโน้มที่ดี นอกจากนี้โรงไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่น 3 โครงการ มูลค่าลงทุน 1,900 ล้านบาท รวม 30.27 เมกะวัตต์ จ่ายไฟไปแล้ว 2.27 เมกะวัตต์ และในไตรมาส 2/60 จะจ่ายไฟอีก 8 เมกะวัตต์ จากนั้นปลายปี 60 จะจ่ายไฟเพิ่มอีก 20 เมกะวัตต์
และอีก 2 โครงการของ PDI ได้แก่ ธุรกิจกำจัดขยะ และธุรกิจรีไซเคิลขยะอุตสาหกรรม ซึ่งลงทุน 1,500 ล้านบาท มีอัตราผลตอบแทน 30%ต่อปี จะเริ่มก่อสร้างในไตรมาส 2/60 และเปิดดำเนินธุรกิจในปี 61 ทั้งนี้ CGH จะเพิ่มสัดส่วนการลงทุน PDI ได้หากบริษัททำประโยชน์ได้มากขึ้น อาทิ หาก PDI จะซื้อกิจการเพิ่มเติม
“PDI ปีนี้จะมีผลประกอบการดี โดยราคสังกะสีดีในช่วงปีนี้และปีหน้า ปี 61 จะมีรายได้จาก Solar Farm เข้ามาเต็มปี และเริ่มมีราไยด้จากธุรกิจรีไซเคิล ผมเชื่อว่า PDI จะมีกำไรสุทธิเติบโต double digit ทุกปี ตั้งแต่ปีนี้ จะเป็น Growth story จะสร้าง Net income ให้เรามากทีเดียว” นายทอมมี่ กล่าว
อย่างไรก็ตาม CGH ยังคงเป้าหมายในการสร้างผลตอบแทนให้กับการลงทุนของบริษัทในอัตราไม่ต่ำกว่า 15% และเป็นหนึ่งใน SET50 ภายในปี 63 ทั้งนี้ในปี 61 หากแผนการลงทุนเป็นไปตามคาดเชื่อว่า CGH จะมีกำไรสุทธิราว 1 พันล้านบาทเข้าใกล้เป้าหมายในการเข้า SET50
ส่วนมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (Market Cap.) ตามเกณฑ์ที่ 4 หมื่นล้านบาทนั้น ปัจจุบัน CGH มี Market Cap. ประมาณ 7-8 พันล้านบาท หากรวมกับบริษัทที่มีแนวโน้มเติบโตดีก็มีโอกาสทำได้ตามเป้าหมาย อาทิ PDI ในไตรมาส 3/59 มี Market Cap ที่ 3.7 พันล้านบาท เพิ่มจากปี 58 ที่มี 2.8 พันล้านบาท นอกจากนี้ ต้องมีสภาพคล่องดี ขณะที่ปัจจุบัน CGH สภาพคล่องยังน้อย