โมเบียส กับ หุ้นจีน (อีกครั้ง)

มาร์ก โมเบียส กลับมาอีกครั้ง ไม่ว่านักลงทุนจะชื่นชอบหรือหมั่นไส้ แต่หากคนอย่างเขาพูด ไม่มีใครที่จะเพิกเฉยไม่ยอมรับฟัง หรือผ่านเลยไปได้


พลวัต 2016 : วิษณุ โชลิตกุล

 

มาร์ก โมเบียส กลับมาอีกครั้ง ไม่ว่านักลงทุนจะชื่นชอบหรือหมั่นไส้ แต่หากคนอย่างเขาพูด ไม่มีใครที่จะเพิกเฉยไม่ยอมรับฟัง หรือผ่านเลยไปได้

เหตุผลคงไม่ต้องอธิบายความมากสำหรับนักลงทุนระดับเซียนเหยียบเมฆ เพราะกองทุนเฮดจ์ ฟันด์ขนาดใหญ่ของเขาในฮ่องกง ภายใต้บริษัท Templeton Emerging Markets Group ที่บริหารเงินของนักลงทุน 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ มีประสบการณ์โชกโชนจากตลาดหุ้นชาติกำลังพัฒนามากกว่า 30 ปีแล้ว ทั้งล้มเหลวและสำเร็จ

ล่าสุดต้นสัปดาห์นี้ โมเบียสมาบอกว่า ไม่มีที่ใดในโลกนี้ปลอดภัยในอนาคตอันใกล้และระยะต่อไป ภายใต้การเถลิงอำนาจของพรรครีพับลิกัน และนายโดนัลด์ ทรัมป์ เท่ากับการลงทุนในตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้

โมเบียส ถึงกับบอกชัดไปเลยไม่กลัวผิดว่า ตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้มีเกราะกำบังเปรียบประดุจ “สวรรค์ของการลงทุน” เลยทีเดียว

โมเบียสให้คำอธิบายถึงเหตุผลของเขาว่า

1) การปะทะกันระหว่างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของสหรัฐในลักษณะ “ลิ้นกับฟัน” เป็นเรื่องไม่น่ากลัวอะไรมากนัก เพราะพื้นฐานของนายทรัมป์เป็นนักธุรกิจมาก่อน ย่อมรู้ดีว่า การต่อรองที่สมเหตุสมผลนั้นไม่ได้ มีได้ทั้งหมด หรือเสียทั้งหมด

2) ทางการจีนจะใช้แรงกดดันของสหรัฐฉวยโอกาสเปิดตลาดทุนให้เสรีมากขึ้น ลดการควบคุมลงเพื่อดึงการลงทุนจากต่างประเทศในการกระตุ้นการเติบโตภายในในอนาคต เป็นผลดีต่อการลงทุนทั้งทางตรงและการลงทุนในพอร์ตโฟลิโอ

ท่าทีล่าสุดของโมเบียส ถือว่าเป็นมุมมองที่น่าสนใจมาก ทำให้บรรดานักกลยุทธ์ของกองทุนต่างๆ ต้องปรับท่าทีและมุมมองของตลาดหุ้นจีนต้องถูกนำมาพิจารณาทบทวนกันใหม่อีกครั้งว่า อาจจะเป็นอย่างที่อดีตพ่อมดอย่างโมเบียส อ่านทะลุก็ได้ แม้โดยข้อเท็จจริงแล้ว หลายปีมานี้โมเบียสอ่านเกมในตลาดหุ้นจีนผิดพลาดมากมาย โดยเฉพาะในปีที่ผ่านมาที่กองทุนในการดูแลของเขาขาดทุนค่อนข้างมากจากจีนและทั่วเอเชีย

ในปีที่แล้ว ตอนที่ตลาดหุ้นจีนกำลังพังเพราะฟองสบู่ตลาดแตกในช่วงกลางปี โมเบียสได้ออกมาตีโพยตีพายเป็นข่าวใหญ่ว่า ตลาดหุ้นจีนยามนี้ ร้อนแรงเกินขนาด ควรจะปรับฐานลงมากกว่า 20% ถึงจะถือว่าราคาสมเหตุสมผล น่าลงทุนรอบใหม่

การพูดดังกล่าว เกิดขึ้นในขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้อยู่ที่ระดับประมาณ 3,200 จุด  แต่ก่อนหน้านั้นตอนที่ดัชนีวิ่งขึ้นไปเหนือ 4,500 จุด เมื่อต้นปี 2558 โมเบียสคนเดียวกัน กลับบอกว่าให้ซื้อหุ้นจีนดีที่สุด

หากพิจารณาจากปูมหลังของคนที่มีผลประโยชน์แอบแฝง สามารถตีความเจตนาของโมเบียสทุกครั้งออกเป็น 2 ด้านว่า 1) โมเบียส ขายหุ้นทำกำไรออกจากมือเรียบร้อยแล้ว จึงต้องการทุบหุ้นลง เพื่อกลับไปซื้อของถูกอีกครั้ง 2) กองทุนในการดูแลของเขาทำการซื้อสถานะชอร์ต (ขายล่วงหน้า) ในตราสารอนุพันธ์เอาไว้แล้ว จึงต้องการทุบพอร์ตเพื่อเอากำไรช่วงขาลง

ยามนั้น ไม่มีใครไร้เดียงสาถึงขั้นตีความว่า โมเบียสเป็นนักบุญที่กลัวตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้จะพังเป็นแน่แท้ และโมเบียสก็คงไม่งี่เง่าถึงขั้นยอมรับการสถาปนาตนเองเป็นเช่นนั้น

แม้ว่าโดยเจตนาในยามนั้นของโมเบียส จะเป็นการอ้างถึงความหวังดี และเป็นความพยายามที่จะทำให้ตลาดเป็นมากกว่าการกลับคืนสติสัมปชัญญะ แต่ต้องการให้ผู้บริหารหรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับตลาดหุ้นจีน ค้นหาหรือสร้างเครื่องมือหรือกลไกลดความร้อนแรงของตลาดลงไปก่อนจะพัง แบบที่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในช่วงปี 2551 ที่ดัชนีร่วงจากระดับ เหนือ 6,030.90 จุด มาสู่ระดับ 1,706.70 จุด หรือร่วงลงมา 71.70% ต้องใช้เวลาเยียวยากันยาวนานถึง 6 ปี กว่าจะกลับมาร้อนแรงอีกครั้งในช่วง 7 เดือนนี้เอง ซึ่งไม่เป็นผลดีกับทุกฝ่าย

โดยธรรมชาติของตลาดเก็งกำไร ดัชนีตลาดจะขึ้นหรือร่วง ไม่ใช่ปัญหา ตราบใดที่ตลาดยังไม่วาย จนนักลงทุนหนีหายไปหมด ก็ถือว่ายังคงเดินหน้าต่อไปได้

โมเบียส ยืนยันในครั้งนั้นว่า กองทุนของเขากำลังจะขนย้ายเงินไปซื้อหุ้นในเวียดนามและไนจีเรียแทน ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าจริงเท็จเป็นเช่นใด และมีผลลัพธ์เช่นใด รู้แต่เพียงว่าเมื่อต้นปีนี้ ตอนที่ตลาดหุ้นทั่วโลกเกือบพังพร้อมกับราคาน้ำมันที่ร่วงต่ำกว่า 40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นตัดสินใจทดลองใช้มาตรการอัตราดอกเบี้ยติดลบขึ้นมา โมเบียสได้ออกโรงมาพูดแนะนำนักลงทุนในตลาดทั่วโลกให้เข้าถือทองคำแทนหุ้นและตราสารหนี้อื่นๆ

ข้อเท็จจริงหลังจากเดือนมีนาคมปีนี้เป็นต้นมา บอกให้รู้ว่า คำพยากรณ์ของโมเบียสผิดทั้งหมด เพราะตลาดหุ้นเอเชียหลายประเทศ กลายเป็นตลาดหุ้นที่มีผลตอบแทนโดดเด่น โดยเฉพาะตลาดหุ้นฮ่องกง และไทย ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบกลับพุ่งขึ้นมาเหนือระดับ 45 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลอีกครั้งหนึ่ง

ไม่มีใครรู้อีกเช่นกันว่า กองทุนของโมเบียสนั้นกำไรหรือขาดทุนมากน้อยเท่าใดจากการทำนายแบบผิดคาดของเขา หรือว่า คำทำนายของโมเบียส เกิดจากเจตนาพูดให้ผิดพลาด เพื่ออำพรางผลประโยชน์ของเขาในลักษณะ ”ล้อมเมืองเว่ย ช่วยเมืองจ้าว” ตามตำราจีน

ความคลุมเครือในคำพยากรณ์ของโมเบียสในรูป ”พูดในสิ่งที่ตนเองไม่เคยเชื่อได้หน้าตาเฉย” ถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งสำหรับตลาดเก็งกำไร เพราะมุมมองที่แปลกและโดดเด่นของเขาสร้างความน่าสนใจและมุมมองใหม่ๆ ให้กับตลาดได้เสมอ ไม่ว่าจะคล้อยตามหรือเห็นต่าง

ครั้งนี้ก็เช่นกัน ไม่ว่า ทรัมป์กับจีนจะมีความสัมพันธ์ในอนาคตเป็นเช่นไร และตลาดหุ้นจีนจะยังมีมนต์ขลังดึงดูดนักลงทุนได้อย่างที่โมเบียสพูดไว้หรือไม่ แต่โมเบียส และตลาดหุ้นจีนก็ยังคงผูกพันกันต่อไปในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นด้านลบหรือบวก

Back to top button