CHOW เผยโครงการโซลาร์ รูฟท็อป COD ครบ 6.64MW แล้ว
CHOW เผยโครงการโซลาร์ รูฟท็อปCOD ครบ 6.64MW แล้ว รับรู้รายได้ใน Q4/59
นายอนาวิล จิรธรรมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเชาว์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ CE บริษัทย่อยที่ดูแลธุรกิจพลังงานในเครือบริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ CHOW เปิดเผยว่า โครงการ Solar Rooftop ดังกล่าวอยู่ในประเทศไทย ซึ่งดำเนินการโดยบริษัท พรีเมียร์ โซลูชั่น จำกัด (PSCL) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ CE ปัจจุบันเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์เรียบร้อยแล้วทั้ง 6.64 เมกะวัตต์ ทำให้รับรู้รายได้ที่เหลือทั้งหมดในไตรมาส 4/59 เมื่อรวมกับโครงการที่ขายไฟแล้วในประเทศญี่ปุ่นจำนวน 24.04 เมกะวัตต์ ส่งผลให้บริษัทมียอดขายไฟเข้าระบบแล้วถึง 30.68 เมกะวัตต์
นอกจากนี้ บริษัทได้ส่งมอบโครงการโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ กำลังการผลิต 1.27 เมกะวัตต์ โครงการแรกให้กับบริษัท พรีโม่ เอ็นเนอร์จี จำกัด หลังจากที่ได้เซ็นสัญญาพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ในประเทศญี่ปุ่นให้กับ พรีโม่ เอ็นเนอร์จี กำลังการผลิตรวมขนาด 30 เมกะวัตต์ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาท เมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากการส่งมอบโครงการแล้ว CHOW โดยบริษัทย่อยยังรับจ้างบริหารจัดการโรงไฟฟ้าดังกล่าวให้กับ บริษัท พรีโม่ เอ็นเนอร์จี จำกัด ต่อไปด้วย ซึ่งจะรับรู้รายได้จากการบริหารจัดการต่อเนื่องทันทีหลังจากการส่งมอบโรงไฟฟ้าไปเมื่อปลายเดือนก.ย.ที่ผ่านมา ส่วนโครงการอื่นๆ ของ พรีโม่ เอ็นเนอร์จี คาดว่าจะเห็นความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องหลังจากนี้
“โครงการโซลาร์ฟาร์ม ในญี่ปุ่นจะเห็นความคืบหน้าเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งการพัฒนาโครงการใหม่ ๆ และการเข้ามาสนับสนุนด้านการเงินของธนาคารทั้งในโครงการที่สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว และโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง โดยโครงการของพรีโม่ฯ หลังจาก COD แล้วก็เป็นขั้นตอนการสนับสนุนทางการเงินของสถาบันการเงิน เพื่อเพิ่มความคล่องตัวให้กับพรีโม่ฯ ในการขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าในญี่ปุ่นต่อไป ซึ่งปัจจุบันบริษัท พรีโม่ เอ็นเนอร์จี จำกัด ถือเป็นผู้ประกอบการรายที่ 3 ของไทยที่สามารถขายไฟฟ้าให้กับรัฐบาลญี่ปุ่นได้สำเร็จ ผ่านการบริหารจัดการของ CHOW GROUP” นายอนาวิล กล่าว
ขณะที่ปัจจุบัน CE มีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น ที่สามารถขายไฟในเชิงพาณิชย์แล้ว 9 โครงการ รวม 24.04 เมกะวัตต์ จากการอนุมัติลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ประเทศญี่ปุ่นผ่านบริษัทย่อยทั้งระยะที่ 1 และระยะที่ 2 รวม 33 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย 1.) โรงไฟฟ้าโนงะตะ(Nogata) กำลังการผลิต 1 เมกะวัตต์ (DC) 2.) โครงการโรงไฟฟ้าโคเรียล (Goryo) กำลังการผลิต 1.5 เมกะวัตต์ (DC) 3.) โครงการโรงไฟฟ้าชิบูชิ (Shibushi) กำลังการผลิต 1 เมกะวัตต์ (DC)
4.) โครงการอิบารากิ ขนาดกำลังการผลิต 1.20 เมกะวัตต์ (DC) 5.) โครงการเกียวแทงโก (Kyotango) กำลังการผลิต 4.019 เมกะวัตต์ (DC) 6.) โครงการโออิตะ (Oita) ขนาดกำลังการผลิต 3.2604 เมกะวัตต์ (DC) 7.) โครงการ Hamada1 จำนวน 11 เมกะวัตต์ 8.) โครงการ Gifu 500 กิโลวัตต์ (DC) และ 9.) โครงการ Fukui7 จำนวน 587.68 กิโลวัตต์ (DC) โดยได้เชื่อมต่อสายส่งจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ กับการไฟฟ้าญี่ปุ่นแล้วเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2559 และรับรู้รายได้ทันทีในไตรมาสที่ 4/59 ส่วนโครงการส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการพัฒนาและรอเชื่อมต่อสายส่งกับการไฟฟ้าญี่ปุ่น