“ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้” เคาะราคา IPO ที่ 16 บ./หุ้น จ่อเข้าเทรด SET 29 พ.ย.นี้
“ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้” หรือ TNP ผู้ประกอบธุรกิจผลิต-จำหน่ายถุงยางอนามัยจากน้ำยางธรรมชาติและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องเคาะราคาขาย IPO 75 ล้านหุ้น ที่ 16 บ./หุ้น เปิดจอง 21-23 พ.ย.59 จ่อเข้าเทรด SET29 พ.ย.นี้ โดยมี บล.กสิกรไทย เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ กรรมการผู้จัดการ บล. กสิกรไทย ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญ บริษัทไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TNR เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทสำรวจความต้องการซื้อหุ้น (Book Building) ของนักลงทุนสถาบัน เมื่อวันที่ 17-18 พ.ย.ที่ผ่านมา พบว่ามีนักลงทุนสถาบันแสดงความสนใจซื้อที่ราคาสูงสุดหุ้นละ 16 บาท สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในพื้นฐานธุรกิจและศักยภาพการเติบโตของ TNR จึงได้กำหนดราคาขาย IPO ที่หุ้นละ 16 บาท โดยจะเปิดให้นักลงทุนจองซื้อวันที่ 21-23 พ.ย.นี้ และคาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 29 พ.ย.นี้
ทั้งนี้ TNR จะเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 75 ล้านหุ้น ประกอบด้วย หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดย บมจ.ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำนวน 37.50 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดยผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ อีกจำนวน 37.50 ล้านหุ้น รวมคิดเป็นร้อยละ 25 ของหุ้นสามัญจดทะเบียนของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้ โดยก่อนเสนอขายหุ้น IPO บริษัทมีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 300 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท ซึ่งเป็นทุนจดทะเบียนที่เรียกชำระแล้วทั้งสิ้น 262.50 ล้านบาท
ด้านนายอมร ดารารัตนโรจน์ ประธานกรรมการบริหาร TNR เปิดเผยว่า บริษัทมีศักยภาพและความพร้อมด้านการผลิตถุงยางอนามัยจากน้ำยางธรรมชาติ ด้วยกำลังการผลิตติดตั้ง 1,959 ล้านชิ้นต่อปี จากโรงงาน 2 แห่ง ได้แก่ โรงงานในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง มีกำลังการผลิตติดตั้ง 426 ล้านชิ้น และโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง จังหวัดชลบุรี มีกำลังการผลิตติดตั้ง 1,533 ล้านชิ้นต่อปี จึงถือเป็นผู้ผลิตถุงยางอนามัยจากน้ำยางธรรมชาติรายใหญ่ ที่มีกำลังการผลิตติดตั้งมากที่สุดของไทยและเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ของโลก
โดยบริษัทมีจุดแข็งด้านเครื่องหมายการค้าที่แข็งแกร่งและแบรนด์ Onetouch ที่มียอดขายเติบโตต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ก็เป็นผู้นำด้านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ถุงยางอนามัยที่หลากหลาย มีการพัฒนาเครื่องจักรในการผลิตเอง รวมถึงได้รับการรับรองมาตรฐานจากหน่วยงานในประเทศและองค์กรสากล อาทิ ISO 9001, Canadian Medical Devices Regulations (CMDCAS)
ทั้งนี้ บริษัทมีเป้าหมายที่จะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดถุงยางอนามัย ภายใต้แบรนด์ Onetouch ในประเทศไทยเป็น 35% ของตลาดรวมภายในปี 2563 จากเดิมที่มีส่วนแบ่งตลาด 20.6% ของมูลค่าตลาดรวมถุงยางอนามัยในช่วง เดือนกันยายน 2557 ถึงเดือนสิงหาคม 2558
โดยเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาได้เปิดตัวถุงยางอนามัยวันทัช ซีโร่ ซีโร่ ทรี (Onetouch 003) ซึ่งเป็นถุงยางอนามัยผิวเรียบ แบบบาง 0.03-0.038 มิลลิเมตร ที่มีความบางที่สุดเท่าที่บริษัทฯ เคยผลิต เพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักอายุ 18-45 ปี ที่มีรายได้ปานกลางขึ้นไปและชื่นชอบถุงยางอนามัยที่บางพิเศษในราคาที่คุ้มค่า
พร้อมกันนี้ จะเร่งขยายตลาดสู่ประเทศใหม่ ๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะทวีปเอเชียและแอฟริกา ที่มีความต้องการใช้สินค้าและโอกาสขยายตลาดได้อีกมาก ด้วยการแต่งตั้งผู้จัดจำหน่ายสินค้าในประเทศต่าง ๆ ที่มีศักยภาพและมีเครือข่ายร้านค้าเป็นจำนวนมากเพื่อกระจายสินค้าได้อย่างครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยตั้งเป้าเป็นผู้นำธุรกิจผลิตและจำหน่ายถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่นภายใต้แบรนด์ Onetouch ในประเทศไทยและกลุ่มประเทศ CLMV ได้แก่ กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมาร์และเวียดนาม รวมถึงเป็นผู้นำธุรกิจรับจ้างผลิตถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่นระดับโลก
“เราเป็นผู้ผลิตถุงยางอนามัยและผลิตภัณฑ์ประเภทเจลหล่อลื่น เพื่อสนองความต้องการของลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศที่มีประสบการณ์มายาวนาน โดยต้องการขยายตลาดถุงยางอนามัยภายใต้แบรนด์ Onetouch ไปยังประเทศใหม่ ๆ ในทวีปต่าง ๆ และขยายฐานลูกค้าในการรับจ้างผลิตถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่นเพิ่มเติม” นายอมร กล่าว
ส่วนผลการดำเนินงานในปี 56-58 บริษัทมีรายได้จากการขายสินค้า 1,053.2 1,182.4 และ 1,302.2 ล้านบาท เติบโตต่อเนื่องตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ 96.5, 108.6 และ 234.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นตามลำดับ ขณะที่งวด 9 เดือนแรกของปีนี้ มีรายได้จากการขายสินค้า 934.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 6.5 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 158.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 1.2 ล้านบาท
สำหรับ TNR เป็นผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายถุงยางอนามัยจากน้ำยางธรรมชาติและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง โดยมีธุรกิจแบ่งออกเป็น 1. ธุรกิจผลิตและจำหน่ายถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่นภายใต้เครื่องหมายการค้า ‘Onetouch’ ซึ่งทำตลาดทั้งในไทยและต่างประเทศ 2. ธุรกิจรับจ้างผลิต (OEM) ถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่น ให้แก่บริษัทเอกชนและองค์กรเอกชน (NGOs) ทั้งในไทยและต่างประเทศมากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก
รวมทั้งได้รับจ้างผลิตถุงยางอนามัยให้กับ United Medical Devices ภายใต้เครื่องหมายการค้า PLAYBOY ทั่วโลกและเป็นผู้จัดจำหน่ายเพียงผู้เดียวในประเทศไทย และ 3. ธุรกิจงานประมูล โดยได้เข้าร่วมประมูลงานผลิตถุงยางอนามัยกับองค์กรภาครัฐและองค์กรเอกชนทั้งในและต่างประเทศ เพื่อนำไปแจกจ่ายตามภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งออเดอร์ในส่วนนี้จะเข้ามาเติมเต็มการใช้กำลังการผลิตและทำให้ต้นทุนการผลิตสินค้าต่อหน่วยลดลง