กองทุนพยุงหุ้น? โมนิก้าและทีมงาน
*ก่อนอื่นต้องบอกให้มิตรรักแฟนคลับ “ข่าวหุ้น” ให้เข้าใจก่อนว่า วัฏจักรของตลาดหุ้นไทยในแต่ละปีแต่ละรอบมีช่วงที่ดีไม่เกิน 3 เดือน ส่วนที่เหลืออีก 9 เดือน มักเป็นช่วงย่ำแย่จนน่าใจหาย และดูเหมือนวงรอบของการทะยานขึ้นรอบใหม่จะปรากฏให้เห็นอีกครั้ง จึงเห็นแรงซื้อจากนักลงทุนกลุ่มต่างๆ พรั่งพรูเข้ามาในหุ้นบลูชิพเป็นจำนวนมาก พร้อมกับเกิดจินตนาการขั้นเทพกันเลยทีเดียวเจ้าค่ะ
*ก่อนอื่นต้องบอกให้มิตรรักแฟนคลับ “ข่าวหุ้น” ให้เข้าใจก่อนว่า วัฏจักรของตลาดหุ้นไทยในแต่ละปีแต่ละรอบมีช่วงที่ดีไม่เกิน 3 เดือน ส่วนที่เหลืออีก 9 เดือน มักเป็นช่วงย่ำแย่จนน่าใจหาย และดูเหมือนวงรอบของการทะยานขึ้นรอบใหม่จะปรากฏให้เห็นอีกครั้ง จึงเห็นแรงซื้อจากนักลงทุนกลุ่มต่างๆ พรั่งพรูเข้ามาในหุ้นบลูชิพเป็นจำนวนมาก พร้อมกับเกิดจินตนาการขั้นเทพกันเลยทีเดียวเจ้าค่ะ
*โดยเฉพาะคอมเม้นท์ที่ว่า ดัชนีไต่ระดับขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 3 วันติด มันมาจากแรงซื้อกองทุน LTF & RMF พร้อมกับพรรณนาเป็นวรรคเป็นเวรว่า หุ้นไทยจะทะยานขึ้นไปเรื่อยๆ หลังจากนี้จะมีแต่คำว่า แสงแห่งรุ่งอรุณยามเช้า “โมนิก้า” ถึงกับเกิดอาการสะอึกขึ้นมาในทันที เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้ทำให้รู้ว่า ยังมีนักลงทุนประเภทสุดโต่งอยู่ในตลาดหุ้นเป็นจำนวนมากนะคะ
*งานนี้ไม่ว่า ไม่ตำหนิ ไม่เสียดสี และไม่เยิ่นเย้อ แต่ขอเม้าท์ในสิ่งที่ “โมนิก้า” อยากจะเม้าท์สักนิดว่า ดัชนีทะยานขึ้นแบบไม่มีวอลุ่ม มันจะไปได้ไกลสักกี่น้ำ และเรื่องนี้ก็เป็นประเด็นเก่าที่เดี๊ยนมักหยิบยกขึ้นมาเม้าท์เป็นประจำ และครั้งนี้ก็ต้องดูว่า ดัชนีกระชากขึ้นมาปิดที่ 1,485.68 จุด บวกไป 7.38 จุด ด้วยมูลค่า 4.56 หมื่นล้านบาท มันเป็นไปตามสูตรที่ได้เกริ่นนำไว้ขนาดไหนพะยะค่ะ
*เหมือนกับการทะยานขึ้นของหุ้น BANPU ด้วยเหตุผลแค่ กองทุนเข้ามาเก็บหุ้น? มันใช่ตรรกะสำหรับการลงทุนที่ดีจริงเหรอ! เพราะในมุมของนักลงทุนสไตล์คุณค่า เขาให้ความสำคัญกับปัจจัยพื้นฐานเป็นลำดับแรก ส่วนแรงซื้อที่เข้ามาในแต่ละรอบเป็นเพียงตัวเร่งให้หุ้นพุ่งกระฉูดนานแค่ไหน? วันนี้ถึงต้องประเมินราคาหุ้นทะยานขึ้นมาปิดที่ 18.70 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 5.65% ด้วยมูลค่า 3 พันล้านบาท มันเกิดจากอะไรกันแน่…อิอิอิ
*ด้วยเหตุนี้อย่าถามถึงการทะยานขึ้นของ KCE ให้เสียเวลาเคาะขวาแบบสุดซอย ของมันรู้กันเต็มอกตูมๆ การขึ้นเที่ยวนี้มีอะไรพิเศษกว่าปกติไหม? คำตอบคือไม่มีอะไรพิเศษ และคนที่ทำให้หุ้นกลับขึ้นมาติดในกระดาน most active ก็มาจากน้ำมือกองทุนอีกเช่นเคย หุ้นถึงวิ่งขึ้นมาปิดที่ 121 บาท บวกไป 4.50 บาท หรือขึ้นไป 3.80% ด้วยมูลค่า 960 ล้านบาท พร้อมกันนั้นอย่าลืมว่า คนที่ทุบหุ้นร่วงเละเทะก็กองทุนนั่นแหละ
*ส่วนในรายของหุ้น JAS ผงกหัวขึ้นสวนกระแสโดยไม่ยอมบอกให้ใครรู้ตัวล่วงหน้า เขาว่ากันว่า ขาใหญ่เป็นคนเข้ามาพยุง แต่ยังไม่กล้าไล่ราคาแบบสุดติ่งกระดิ่งแมว หุ้นเลยวิ่งขึ้นมาปิดได้แค่ 8 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 5.25% ด้วยมูลค่า 1 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับพิจารณาเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นอย่างเป็นขั้นเป็นตอนว่า การเด้งขึ้นเที่ยวนี้เป็นการเปลี่ยนทิศจริงไหม?
*สำหรับในรายของ AOT ของมันเห็นกันอย่างแจ่มแจ้งแดงแจ๋ว่า ธุรกิจผูกขาดมีแต่กำไร หุ้นถึงไต่เพดานสูงขึ้นทุกปี แม้บางช่วงจะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์บางอย่าง แต่หุ้นก็ฟื้นตัวกลับมาได้เป็นประจำ ล่าสุดหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 366 บาท บวกไป 3 บาท ด้วยมูลค่า 644 ล้านบาท แถมเป็นการเด้งขึ้นเป็นวันที่ 2 หลังจากรูดลงมาเป็นแรมเดือน มันเป็นจังหวะที่ต้องตามไปดูโดยไม่มีข้อแม้…ยกเว้นเกิดอาการป๊อดขึ้นมากะทันหัน ก็ควรถอยออกมาดูเชิงก่อนเจ้าค่ะ
*เหมือนกับในรายของ MTLS ก่อนหน้านี้ออกอาการกระเสาะกระแสะเหมือนจะเป็นลม พอผ่านกระบวนการทดสอบกำลังใจไม่ต่ำกว่า 6 เดือน สภาพความฟิตของหุ้นก็กลับมาสมบูรณ์ยิ่งกว่าเดิม จึงไต่เพดานขึ้นมาเรื่อยๆ และสามารถขึ้นมายืนเหนือด่านหิน 22 บาทอย่างง่ายดาย ล่าสุดหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 23.20 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 4.50% วอลุ่มแน่นเอี้ยดแบบนี้…เป้า 25 บาท ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้วล่ะ…ไม่เชื่อถาม “ป๋าชูชาติ” ดูก็ได้…อิอิอิ
*อีกหนึ่งรายที่กลายเป็นดาวเด่นประจำตลาดหุ้นในคราวนี้ก็คือ BIG ซึ่งเป็นหุ้นที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ “ธนสิทธิ์” โดยคุณน้องเคยพูดถึงวิสัยทัศน์ในการทำธุรกิจแบบละเอียดยิบถึงได้รู้ว่า นี่คือหุ้นห่านทองคำ ใครมีไว้ไม่มีคำว่าผิดหวังอย่างแน่นอน ล่าสุดหุ้นปิดที่ 4.84 บาท บวกไป 0.18 บาท หรือขึ้นไป 3.90% ด้วยมูลค่า 285 ล้านบาท มันเป็นจังหวะที่ทำให้นึกถึงยอดเก่า 5.30 บาทขึ้นมาในทันทีนะคะ
*อีกหนึ่งกรณีที่ต้องเม้าท์กันแบบเผาขนสักหน่อยก็คือ FN หลังจากผ่านกระบวนการทดสอบกำลังใจได้ประมาณ 2-3 วัน แรงซื้อก็เริ่มไหลกลับเข้ามาเป็นจำนวนมาก จนหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 6.45 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 8.40% ด้วยมูลค่า 490 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นรูปแบบที่นักเล่นจะต้องเผชิญกับเหตุการณ์ในลักษณะนี้ต่อไปอีกเรื่อยๆ จึงเป็นโอกาสของคนที่ถนัดเล่นสั้นๆ และเล่นยาวๆ นะจะบอกให้
*ส่วนที่กลายเป็นฝันร้ายสำหรับพวกเล่นสั้นๆ “โมนิก้า” ขอโฟกัสไปที่ TSF เพราะของมันไม่มีอะไรเลยจริงๆ จึงไม่สามารถจับต้องอะไรได้สักอย่าง บวกกับข่าวดีดังกล่าวที่แมงลือเม้าท์ให้ฟังก่อนหน้านี้เป็นเพียงแค่เรื่องเล่า ของจริงอาจเป็นเรื่องตรงกันข้ามก็ได้ วานนี้ถึงมีแรงเทขายถล่มออกมาเป็นจำนวนมาก จนหุ้นรูดลงมากองอยู่ที่ 0.24 บาท ลบไป 0.09 บาท หรือลงไป 27.30% ด้วยมูลค่า 577 ล้านบาทแบบนี้ ยับเยินกันถ้วนหน้า…อิอิอิ
*ไหนๆ เม้าท์ถึงคนชอบเสี่ยงขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอชำเลืองตามองหุ้น ABICO เป็นการส่งท้ายแล้วกัน หลังเห็นหุ้นเด้งขึ้นแรงเป็นวันที่ 2 ก่อนจะลงเอยด้วยการปิดที่ 13.40 บาท บวกไป 0.90 บาท หรือขึ้นไป 7.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 140 ล้านบาท ทำให้เดี๊ยนอยากรู้ว่า รอบนี้จะวิ่งทะลุ 14 บาทได้อ่ะป่าว? เพราะรอบที่แล้ว “แตะปุ๊บ ร่วงปั๊บ” จึงเป็นเรื่องของผู้เล่นที่ต้องตัดสินใจกันเอาเองนะคะ