จับตา 4 หุ้นเด่น SET ผันผวน รอซื้อกลับช่วงอ่อนตัว

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้เคลื่อนไหวผันผวน ขณะที่อัพไซด์เริ่มจำกัด แนวต้าน 1,500 - 1510 จุด ด้านค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่ามากที่สุดในรอบกว่า 13 ปี อาจกดดันให้ Fund Flow ต่างชาติกลับมาไหลออกจากตลาดหุ้นไทยมากขึ้น แนะนำขายกำไร เพื่อรอซื้อกลับช่วงอ่อนตัว


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ รายงานเช้านี้ณเวลา 9.20 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.70 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนยังคงไม่มั่นใจว่าที่ประชุมโอเปกจะสามารถบรรลุข้อตกลงในการลดกำลังการผลิตน้ำมัน แม้ว่าอิรักส่งสัญญาณพร้อมที่จะลดกำลังการผลิตก็ตาม 

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้เคลื่อนไหวผันผวน ขณะที่อัพไซด์เริ่มจำกัด แนวต้าน 1,500 – 1510 จุด ด้านค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่ามากที่สุดในรอบกว่า 13 ปี อาจกดดันให้ Fund Flow ต่างชาติกลับมาไหลออกจากตลาดหุ้นไทยมากขึ้น แนะนำขายกำไร เพื่อรอซื้อกลับช่วงอ่อนตัว หุ้นเด่นเลือก KCE-DELTA-ASEFA และ STA

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (24 พ.ย.) ว่า SET มีแนวโน้ม Sideways up ไปที่ 1,510 +/- จุด หลังทะลุแนวต้าน 1 เดือน 1,486 จุดวานนี้ และคาดแรงซื้อจากกองทุน LTF ปลายปีนี้ ขณะที่รายงานการประชุม Fed เมื่อคืนบ่งชี้โอกาสขึ้นดอกเบี้ยเร็วๆ นี้ ส่งผล Bond Yield 10 ปีสหรัฐฯ และไทยปรับสูงขึ้นมาที่ 2.35% และ 2.63% ตามลำดับ รวมไปถึงเงินบาทที่อ่อนค่าลงมาที่ 35.70 บาท/ดอลลาร์ฯ เช้านี้

ทำอะไรดี: “Selective” MSCI Plays และได้ผลดีจากเงินบาทอ่อนค่า

1) “ซื้อ” KCE พื้นฐาน 145.00 บาท (ต้าน 126.00 บาท) – นอกจากถูกเพิ่มน้ำหนักลงทุนในดัชนี MSCI วันที่ 30 พ.ย.นี้, ความต้องการ PCB ในอุตสาหกรรมรถยนต์ยังเติบโต, การเพิ่มกำลังการผลิต, และอัตรากำไรที่ดีขึ้น จาก Economy of scale รวมถึงเงินบาทที่อ่อนค่าลง สนับสนุนกำไรเติบโตเฉลี่ย 32% ต่อปีในช่วง 2016-18 ด้วย PEG 0.70 เท่า ยังไม่สูง

2) “ซื้อ” DELTA พื้นฐาน 90.00 บาท – การ R&D ในชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์แม้กดดันกำไรระยะสั้น แต่หนุนการเติบโตระยะยาว ขณะที่ทุกๆ บาทที่อ่อนค่า หนุน GP เพิ่ม 0.30-0.50%

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (24 พ.ย.) ว่า SET จะเคลื่อนไหวผันผวนและมีโอกาสปรับตัวลง เนื่องจาก 1) นักลงทุนอาจจะเทขายทำกำไรหลังจากดัชนีเข้าใกล้ระดับแนวต้านจิตวิทยาที่ระดับ 1,500 จุด และเป็นการลดความเสี่ยงจากที่ดัชนีเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วง 3 วันที่ผ่านมา 2) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีของสหรัฐกลับมาเพิ่มขึ้นใกล้ระดับสูงสุดของปีนี้ที่ 2.35% ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่ามากที่สุดในรอบกว่า 13 ปี อาจจะกดดันให้ Fund Flow ต่างชาติกลับมาไหลออกจากตลาดหุ้นไทยมากขึ้น

ดังนั้นนักลงทุนจะต้องใช้ความระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น และอาจจะลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้น Big Cap และหุ้นขนาดกลาง/เล็ก ที่ปรับตัวขึ้นแรงในช่วงก่อนหน้าและเน้นหุ้นที่มีความเป็น Defensive มากขึ้น อาทิ กลุ่มหุ้นปันผล (INTUCH HANA KGI ASK TMT PAP) กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่า เช่น กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (KCE HANA) กลุ่มอาหาร (CPF GFPT) และกลุ่มโรงพยาบาล (BDMS BH BCH) ซึ่งได้ผลบวกจากมาตรการเพิ่มระยะเวลาพำนักในประเทศ (Long stay VISA) จาก 1 ปี เป็น 10 ปี

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective buy

หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : ASEFA (ซื้อ/เป้า 9.30 บาท) ได้งานใหม่ 3 โครงการหนุน Backlog เพิ่มขึ้นทำ Newhigh, STA (ซื้อ/เป้า 20.00 บาท) ราคายางเพิ่มทำ New high ในรอบกว่า 3 ปี

 

บล.แอพเพิลเวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (24 พ.ย.) ว่า ภาวะการซื้อขายโดยรวมได้แรงหนุนจากมาตรกระตุ้นการใช้จ่ายช่วงสิ้นปี, มาตรการยกเว้นค่าวีซ่าเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม ทิศทางค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าอยู่ที่ระดับ 35.7 บาท/สหรัฐ และแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐที่อาจจะปรับเร็วขึ้นยังส่งผลกดดันด้านลบต่อตลาดหุ้นเกิดใหม่

กลยุทธ์การลงทุน ประเมิน Upside ของดัชนี SET บริเวณแนวต้าน 1,500 – 1510 จุด เริ่มจำกัด จึงแนะนำขายกำไร เพื่อรอซื้อกลับช่วงอ่อนตัว

Back to top button