DRT มั่นใจ Q4 กำไรแกร่ง! เล็งปั้มสัดส่วนรายได้ส่งออกโต 20%

นายสาธิต สุดบรรทัด กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด ออนเรดิโอ” ทาง FM 98.5 MHz สถานีข่าวจริง สปริงเรดิโอ ช่วงเวลา 9.30-11.00 น. ว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาอัตราการเติบโตในประเทศชะลอตัวเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุผลทางการเมืองและเศรษฐกิจ บริษัทจึงมองเห็นถึงอัตราการเติบโตในช่องทางต่างประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะกลุ่ม CLMV ที่มีอัตราการเติบโตในเลข 2 หลัก ซึ่งนับว่าเป็นการเติบโตที่มากกว่าในประเทศ

ขณะเดียวกันแนวโน้มความต้องการสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้างในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLMV+I (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมาร์ เวียดนามและอินโดนีเซีย) มีเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยเศรษฐกิจของแต่ละประเทศมีอัตราเติบโตที่ดี ซึ่งส่งผลดีต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท และช่องทางดังกล่าวครึ่งปีแรกมีสัดส่วนรายได้การส่งออกของอยู่ที่ 16% ซึ่งบริษัทตั้งเป้าหมายให้ช่องทางดังกล่าวเติบโตถึง 20% ภายในปี 2561 ซึ่งถือเป็นการเพิ่มรายได้ในช่วงที่เศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว

นอกจากนี้สำหรับช่องทางจัดจำหน่ายในประเทศนั้น บริษัทยังมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย และบริษัทเริ่มมีค้าปลีกขนาดใหญ่ คือโมเดิร์นเทรดรวมทั้งขายตรงโครงการ ซึ่งโครงการในแนวราบยังถือว่ามีอัตราการเติบโตสูง ซึ่งสอดคล้องกับสาธารณูปโภคภาครัฐ โดยปัจจุบันสัดส่วนรายได้ขายตรงโครงการและโมเดิร์นเทรดก็เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 13-15% เพราะฉะนั้นบริษัทจึงได้ลดสัดส่วนในการขายผ่านทางร้านค้าและตัวแทนจำหน่าย เพราะในแง่ของพฤติกรรมของผู้บริโภคมักจะซื้อในตลาดร้านค้าปลีกขนาดใหญ่เป็นส่วนมาก

 

ด้านแผนการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 4/59 นั้น คาดว่าจะสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง “ความต้องการของวัสดุก่อสร้างยังมีอยู่ โดยได้รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมัน จึงทำให้ต้นทุนในการขนส่งไม่สูงมากนัก ประกอบกับปัจจุบันบริษัทมีผลิตภัณฑ์ที่ค่อนข้างหลากหลาย เพราะฉะนั้นการใช้ผลิตภัณฑ์ก่อสร้างยังอยู่ในต้นทุนที่สามารถควบคุมได้ ในขณะเดียวกันฝั่งภาครัฐได้มีการขยายสาธารณูปโภคต่างๆ จึงทำให้เชื่อว่าอาจมีการขยายโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างๆด้วย” นายสาธิต กล่าว

 

อนึ่ง DRT รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/59 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.59 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไรสุทธิ 77.04 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.08 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 67.57 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ0.06 บาทต่อหุ้น