6 ดาวเด่นกลุ่มลิสซิ่ง โชว์พัฒนาการเชิงบวกกำไร Q3/59 โตโดดเด่น Q4/59 มาเหนือเมฆ!

6 ดาวเด่นกลุ่มลิสซิ่ง โชว์พัฒนาการเชิงบวก กำไร Q3/59 โตโดดเด่น Q4/59 มาเหนือเมฆ!


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจบทวิเคราะห์ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย (บจ.) ในกลุ่มธุรกิจผู้ให้บริการสินเชื่อรถและสินเชื่อส่วนบุคคลที่ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/59 ออกมาโดดเด่น ขณะที่ในไตรมาส 4/59 นั้น คาดว่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง หลังมองเห็นพัฒนาการที่ดีอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเป็นช่วง High Season ของธุรกิจ นอกจากนี้ยังเป็นช่วงที่ตลาดหุ้นไทยเริ่มฟื้นตัวจึงคาดว่าจะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับลงทุนหุ้นในกลุ่มดังกล่าว

บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ โดยแนะนำเน้นหุ้นพัฒนาการเชิงบวกต่อในไตรมาส 4/59 อาทิ กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ หรือ สินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งยังมีแนวโน้มที่ดีขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ทั้งนี้คาดว่างวดไตรมาส 4/59 จะทำกำไรสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง โดยเฉพาะ สินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุก ยังเติบโตตามภาคการก่อสร้างและลงทุนภาครัฐ ตามมาด้วยสินเชื่อรถจักรยานยนต์ ที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาลขายปลายปี และยังได้ประโยชน์จากการกระตุ้นภาครัฐดังกล่าวข้างต้น และสินเชื่อรายย่อย ทั้งสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล

สำหรับผู้ประกอบการที่น่าจะมีกำไรดีมากในงวดไตรมาส 4/59 คือ ASK ([email protected]) ,MTLS ([email protected]) ,SAWAD ([email protected]) รวมถึงหุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นรากหญ้าเพิ่มเติมระยะ 2 ล่าสุด LIT (FV@B20) ที่อิงการปล่อยสินเชื่อแก่ธุรกิจที่ทำงานให้ภาครัฐ

โดยหุ้นที่ทำการคัดเลือกมาทั้งหมดมี 4 บจ. ดังนี้ ASK,MTLS,SAWAD และLIT

 

อันดับที่ 1 บริษัท ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979 จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/59 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.59 (รวมบริษัทย่อย)มีกำไรสุทธิ 543.04 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.52 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 47% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 369.81 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.35 บาทต่อหุ้น

โดยผลการดำเนินงานในไตรมาสดังกล่าวปรับตัวขึ้นแรงเนื่องจากรายได้เพิ่มขึ้น 410.56 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการปล่อยสินเชื่อผ่านสาขาที่เพิ่มขึ้นเป็น 2,027 สาขา ทำให้ลูกหนี้เพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานช่วง 9 เดือนแรกมีกำไรสุทธิ 1.40 พันล้านบาท หรือ 1.34 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 49% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 938.87 ล้านบาท หรือ 0.90 บาทต่อหุ้น

ด้านนักวิเคราะห์ บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ โดยคาดการณ์กำไรสุทธิของ SAWAD ในไตรมาส 4/59 จะยังเติบโตดีและทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องจากไตรมาส 3/59 ที่มีกำไร 543 ล้านบาท จากการเติบโตของสินเชื่อ ที่มาจากการขยายสาขาที่ครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งในสิ้นปีนี้จะมีสาขาทั้งหมด 2,100 สาขา จากสิ้นไตรมาส 3/59 บริษัทมีสาขาทั้งหมด 2,027 สาขาโดยแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 64 บาท

 

อันดับที่ 2 บริษัท เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ ASK รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/59 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.59 (รวมบริษัทย่อย) มีผลกำไรสุทธิ 189.59 ล้านบาท  หรือมีกำไรสุทธิ 0.54 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 176.50 ล้านบาท หรือมีผลกำไรสุทธิ 0.50 บาทต่อหุ้น

อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานช่วง 9 เดือนแรกมีกำไรสุทธิอยู่ที่  545.38 ล้านบาท  หรือ 1.55 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ  515.56 ล้านบาท  หรือ 1.47 บาทต่อหุ้น

ด้านนักวิเคราะห์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า ASK มีแนวโน้ม “Outperform” ราคาเป้าหมาย 28 บาท/หุ้น โดยยังมีมุมมองเชิงบวกต่อผลการดำเนินงานของ ASK ในปี 2559 – 2560 จากที่ยอดสินเชื่อมีแนวโน้มขยายตัวและต้นทุนการกู้ยืมลดลงอย่างมีนัยสำคัญ สินเชื่อมีแนวโน้มขยายตัวในอัตราเร่งเร็วขึ้นตามการขยายตัวของงานก่อสร้างภาครัฐที่จะโดดเด่นในช่วงอีก 5 ปีข้างหน้า ขณะที่ต้นทุนการกู้ยืมมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง

ทั้งนี้ Highlight ของ ASK ในปี 2559 จะอยู่ที่ไตรมาสที่ 3/59 และ 4/59 ที่ ASK จะมีหนี้ที่ครบกำหนด 7.3 พันล้านบาท มีต้นทุนการกู้ยืมประมาณ 4.5% คาดว่าจะถูกทดแทนที่ด้วยเงินกู้ยืมใหม่ที่มีต้นทุนต่ำกว่าในช่วง 3.0%-3.2% จะทำให้ ASK มีต้นทุนการกู้ยืมลดลงเหลือ 3.4% ในปี 2559 ส่งผลให้กำไรเพิ่มขึ้นจากการลดลงของดอกเบี้ยจ่ายประมาณ 50 ล้านบาท ในปี 2559 คาดว่างบไตรมาสที่ 3 จะดีกว่าไตรมาสที่ 2 และ ไตรมาสที่ 4 จะดีกว่าไตรมาสที่ 3 ซึ่งทำให้ ASK น่าจะมีกำไรสุทธิทำสถิติสูงสุดต่อเนื่องในปีนี้ ASK จะยังคงมีกำไรสุทธิทำสถิติ new high แต่เนื่องจาก ASK ยังต้องตั้งสำรองในระดับสูงประมาณ 90 ล้านบาทในไตรมาสที่ 4/59 รวมทั้งตั้งสำรองไตรมาสที่ 3/59 สูงกว่าที่คาดการณ์ น่าจะทำให้กำไรสุทธิของปี 2559 ของ ASK จะต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 765 ล้านบาท เล็กน้อย

 

 

อันดับที่ 3 บริษัท เมืองไทย ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ MTLS รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/59 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.59 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไรสุทธิ 400.93 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.19 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 82.20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 220.05 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.10 บาทต่อหุ้น

โดยกำไรในไตรมาส 3/59 ที่เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากบริษัทมีรายได้รวมเพิ่มขึ้นจากการขยายสาขาเป็น 1,515 สาขา จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 900 สาขา ขณะที่ยอดปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้นเป็น 1.05 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 88%

อย่างไรก็ตามผลการดำเนินงานช่วง 9 เดือนแรกมีกำไรสุทธิ 981.23 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.46 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 67.76% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 584.91 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.28 บาทต่อหุ้น

ด้านนักวิเคราะห์ บล.ไอร่า ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำหุ้น MTLS ให้ราคาเป้าหมาย (ปี 2560) 28 บาท โดยคาดว่าไตรมาส 4/59 กำไรทำจุดสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง  ภายใต้ปัจจัยสนับสนุนจากสาขาที่เปิดช่วงไตรมาส 3/59 จำนวน 279 สาขา มากที่สุดในรอบ 2 ปี คาดว่าเริ่มสร้างรายได้เต็มไตรมาส 

ขณะที่ Cost of Fund ของ MTLS มีแนวโน้มปรับลง จากการปรับโครงสร้างเงินกู้ระยะยาวจากสถาบันการเงิน เป็นการออกหุ้นกู้ทำให้ดอกเบี้ยลดลง นอกจากนี้ยังเข้าสู่ช่วงเปิดเทอมของนักเรียน และเทศกาลปีใหม่กระตุ้นความต้องการสินเชื่อ ขณะที่คาดผลการดำเนินงานทั้งปี 59 เติบโตโดดเด่น คาดกำไรสุทธิ 1,402 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 70%

พร้อมคาดปี 60 กำไรสุทธิยังเติบโตโดดเด่นต่อเนื่อง ภายใต้เป้าหมายจำนวนสาขาปี 60 ที่ 2,200 สาขา เพิ่มขึ้น 40% จากปี 59 ที่มีเพียง 1,600 สาขา คาดสินเชื่อใหม่เติบโต 40% ขณะที่ NIM อาจปรับตัวลงจากภาวะดอกเบี้ยในตลาดขาขึ้น ส่วน Credit Cost คาดว่าปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 2.80% ในปีนี้เป็น 3.0% จากความสามารถในการควบคุม NPL ให้ต่ำกว่าระดับ 1%

 

 

อันดับที่ 4 บริษัท ลีซ อิท จำกัด (มหาชน) หรือ LIT รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/59 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.59 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไรสุทธิ 26.81 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.13 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 49% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 17.96 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.09 บาทต่อหุ้น

โดยกำไรในไตรมาส 3/59 ที่เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากรายได้ค่าธรรมเนียมเปิดวงเงินใหม่และเพิ่มวงเงินเก่าเพิ่มขึ้น ขณะที่รายได้สินเชื่อรับซื้อลูกหนี้การค้าเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตามผลการดำเนินงานช่วง 9 เดือนแรกมีกำไรสุทธิ 71.95 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.36 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 42% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 50.62 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.25 บาทต่อหุ้น

ด้าน นางสาวสิตาพัชร์ นิโรจน์ธนรัฐ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ LIT เปิดเผยว่า บริษัทได้งานสนับสนุนสินเชื่อ Leasing หรือ สินเชื่อเช่าทรัพย์ให้กับลูกค้า SMEs เพื่อสนับสนุนโครงการเช่าใช้เครื่องวิทยุสื่อสารเฉพาะกิจ ระบบ Digital Trunk Radio System พร้อมเครื่องอุปกรณ์และส่วนประกอบ 919 ชุด สำหรับหน่วยงานเอกชนขนาดใหญ่ มูลค่าสัญญา 67 ล้านบาท ระยะเวลา 4 ปี

“การปล่อยสินเชื่อโครงการเช่าใช้เครื่องวิทยุสื่อสารฯ จะช่วยเพิ่มพอร์ตสินเชื่อของบริษัทฯให้เติบโตขึ้น โดยปัจจุบันมีพอร์ตสินเชื่อ Leasing และ Hire Purchase รวมกันอยู่ที่ประมาณ 421 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯพยายามบริหารสัดส่วนของสินเชื่อประเภทนี้ โดยมีเป้าหมายให้ครอบคลุมต้นทุนคงที่ และเพื่อเป็นฐานรายได้ที่แน่นอนและสม่ำเสมอให้กับบริษัท” นางสาวสิตาพัชร์ กล่าว

นอกจากการเสริมพอร์ตสินเชื่อให้แข็งแกร่งจะเป็นผลดีต่อรายได้รวมของบริษัทฯในระยะยาวแล้ว ยังช่วยผลักดันรายได้รวมในไตรมาส 4/59 เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ตามเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากจะมีรายได้จาก Leasing/hire purchase เข้ามาในทุกๆ เดือน เพิ่มขึ้น

               

*อนึ่งข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button