ทีวีดิจิตอลทรงกับทรุด

ต้องบอกว่าเส้นทางของ “ทีวี ดิจิตอล”ต้องฝ่าฟันกับสภาพเศรษฐกิจที่ซบเซา ต้องแข่งขันกันผลิตรายการที่น่าสนใจเพื่อเพิ่มความนิยมของช่อง นั่นคือต้นทุนทั้งบุคลากร ค่าผลิตรายการหรือค่าลิขสิทธิ์ในการซื้อรายการ และต้องจ่ายค่าใบอนุญาตแต่ละงวดจนกว่าจะครบ


–เส้นทางนักลงทุน–

 

ต้องบอกว่าเส้นทางของ ทีวี ดิจิตอลต้องฝ่าฟันกับสภาพเศรษฐกิจที่ซบเซา ต้องแข่งขันกันผลิตรายการที่น่าสนใจเพื่อเพิ่มความนิยมของช่อง นั่นคือต้นทุนทั้งบุคลากร ค่าผลิตรายการหรือค่าลิขสิทธิ์ในการซื้อรายการ และต้องจ่ายค่าใบอนุญาตแต่ละงวดจนกว่าจะครบ

ขณะที่รายได้จากเม็ดเงินโฆษณาหรือการปล่อยช่วงเวลาให้เช่ายังไม่มากพอที่จะเลี้ยงตัวเองได้ เว้นแต่ช่องที่ได้รับความนิยมสูง “ช่องที่มีเรทติ้งสูง” เหตุดังกล่าวยังคงทำให้หลายช่องยังต้องเข้าตาจนอยู่ เหมือนกับยืนอยู่บนปากเหวเพียงแค่ใครยังกัดฟันสู้ได้มาราธอนกว่ากัน หรือใครมีเงินหมุนเวียนมากก็รอด

ทั้งนี้จึงข้อสำรวจข้อมูลผลประกอบการของบริษัทที่ดำเนินการทีวีดิจิตอลว่ายังมีพื้นฐานระดับไหนกับสภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ณ ตอนนี้นั้นเป็นอย่างไร

 

บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือBECรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน2559 มีกำไรสุทธิ 251.14 ล้านบาท หรือ 0.12 บาทต่อหุ้น ลดลง 68% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 791.11 ล้านบาท หรือ 0.39 บาทต่อหุ้น เหตุกำไรลดลงเนื่องจากบริษัทมีรายได้จากการขายเวลาโฆษณาน้อยกว่าไตรมาสก่อน 376.40 ล้านบาท และมีรายได้อย่างอื่นและทำกำไรขั้นต้นจากการจัดการแสดงได้น้อยลงด้วย

ขณะที่ผลการดำเนินงานช่วง 9 เดือนแรกมีกำไรสุทธิ 1.29 พันล้านบาท หรือ 0.64 บาทต่อหุ้น ลดลง 42% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2.23 พันล้านบาท หรือ 1.11 บาทต่อหุ้น

บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ WORKรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2559 มีกำไรสุทธิ 108.02 ล้านบาท หรือ 0.26 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 134.37% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 46.09 ล้านบาท หรือ 0.11 บาทต่อหุ้น เป็นผลจากรายได้จากธุรกิจรายการโทรทัศน์ ประกอบด้วยรายได้จากการขายโฆษณาและโปรโมทในช่วงเวลาต่างๆของสถานีโทรทัศน์ของบริษัท สถานีโทรทัศน์ของบริษัท สถานีโทรทัศน์อื่น และช่องทางสื่อต่างๆ รวมถึงค่าเช่าช่วงเวลาแก่บุคลนอกออกอากาศรายการ รายได้จากการรับจ้างผลิตรายการเพื่อออกอากาศ และรายได้จากการจำหน่ายหน่วยลิขสิทธิ์รายการไปยังต่างประเทศ ทั้งนี้การเพิ่มขึ้นของรายได้ธุรกิจรายการโทรทัศน์ของบริษัทมาจาก ช่อง WORKPOINT

ขณะที่ผลการดำเนินงานช่วง 9 เดือนแรกมีกำไรสุทธิ 270.64พันล้านบาท หรือ 0.65 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น130.51% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 117.41 พันล้านบาท หรือ 0.28 บาทต่อหุ้น

บริษัท โมโน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ MONOรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2559 มีกำไรสุทธิ 10.12 ล้านบาท หรือ 0.003 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 111.82 ล้านบาท หรือ 0.036 บาทต่อหุ้น โดยกำไรที่พลิกเป็นกำไรเนื่องจาก บริษัทมีรายได้จากการให้บริการสื่อโฆษณาเพิ่มขึ้น ขณะที่รายได้จากธุรกิจทีวีดิจิตอลเติบโตขึ้นตามเรตติ้งช่อง Mono29

ขณะที่ผลการดำเนินงานช่วง 9 เดือนแรกมีผลขาดทุนสุทธิ 56.99 ล้านบาท หรือ 0.018 บาทต่อหุ้น ขาดทุนลดลง 86.13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 410.82 ล้านบาท หรือ 0.133 บาทต่อหุ้น

บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GRAMMY รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2559 มีผลขาดทุนสุทธิ 10.98 หรือ 0.01 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่ขาดทุนสุทธิ 139.37 ล้านบาท หรือ 0.17 บาทต่อหุ้น เหตุที่บริษัทมีการขาดทุนลดลงเกิดจากธุรกิจดิจิทัลทีวี และธุรกิจกล่องรับสัญญาณจีเอ็มเอ็มแซทมีรายได้ที่ดีขึ้น

ขณะที่ผลการดำเนินงานช่วง 9 เดือนแรกมีผลขาดทุนสุทธิ 263.95 ล้านบาท หรือ 0.32 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 142.42 ล้านบาท หรือ 0.0.17 บาทต่อหุ้น

บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2559 มีผลขาดทุนสุทธิ 60.99 หรือ 0.06 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 17.62 ล้านบาท หรือ 0.02 บาทต่อหุ้น สาเหตุจากรายได้ธุรกิจโทรทัศน์ดาวเทียม ธุรกิจเพลง และธุรกิจรับจ้างและผลิตกิจกรรมที่ลดลงเป็นหลัก  

ขณะที่ผลการดำเนินงานช่วง 9 เดือนแรกมีผลขาดทุนสุทธิ 39.07ล้านบาท หรือ 0.04 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 1.07 ล้านบาท หรือ 0.00 บาทต่อหุ้น

บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ AMARINรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2559 มีผลขาดทุนสุทธิ 126.26 หรือ 0.57 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 142.26 ล้านบาท หรือ 0.65 บาทต่อหุ้น สาเหตุที่ขาดทุนลดลงเป็นผลจากธุรกิจทีวีดิจิตอลของบริษัทย่อยที่เริ่มมีรายได้และผลดำเนินงานที่ดีขึ้น

ขณะที่ผลการดำเนินงานช่วง 9 เดือนแรกมีผลขาดทุนสุทธิ 468.93 ล้านบาท หรือ 2.13 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 379 ล้านบาท หรือ 1.72 บาทต่อหุ้น

บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) หรือ MCOTรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2559 มีผลขาดทุนสุทธิ 252.11 ล้านบาท หรือ 0.37 บาทต่อหุ้น จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 55.39 ล้านบาท หรือ 0.08 บาทต่อหุ้น สาเหตุที่บริษัทพลิกขาดทุนเนื่องจากรายได้จากการดำเนินงานโทรทัศน์และวิทยุลดลงและค่าใช้จ่ายดำเนินงานเพิ่ม               

ขณะที่ผลการดำเนินงานช่วง 9 เดือนแรกมีผลขาดทุนสุทธิ 463.30 ล้านบาท หรือขาดทุนสุทธิ 0.67 บาทต่อหุ้น จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 100.61ล้านบาท หรือ 0.15บาทต่อหุ้น

 

ภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัทผลิตทีวีดิจิตอลยังอยู่ในลักษณะทรงกับทรุดอยู่!!

ต้องบอกว่าในธุรกิจ “ทีวี ดิจิตอล” เป็นอะไรที่น่าติดตามลุ้นระทึกกันต่อไป

 

ผลประกอบการของกลุ่มทีวีดิจิตอล

หลักทรัพย์ ไตรมาสที่3 กำไรต่อหุ้น งวด9 เดือน กำไรต่อหุ้น
(ล้านบาท) (บาทต่อหุ้น) (ล้านบาท) (บาทต่อหุ้น)
2559 2558 2559 2558 2559 2558 2559 2558
BEC 251.14 791.11 0.12 0.39 1288.51 2230.2 0.64 1.11
WORK 108.02 46.09 0.26 0.11 270.64 117.41 0.65 0.28
MONO 10.12 -111.82 0 -0.04 -56.99 -410.82 -0.02 -0.13

Back to top button