ส่องราคาหุ้น “บลูชิพ” 11 เดือน ชูรีเทิร์นสูง-ผลตอบแทนชนะตลาด

ส่องราคาหุ้น “บลูชิพ” 11 เดือน ชูรีเทิร์นสูง-ผลตอบแทนชนะตลาด


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ใน SET50 ช่วง 11 เดือน โดยเทียบราคาปิด ณ วันที่ 30 ธ.ค.58-30 พ.ย.59 โดยพบว่าหุ้นส่วนใหญ่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมากกว่าปรับตัวลดลง โดยมีหุ้นที่ปรับตัวขึ้นทั้งหมด 36 ตัว ขณะที่มีหุ้นที่ปรับตัวลง 14 ตัว

ขณะเดียวกันหากสังเกตุหุ้นที่ปรับตัวขึ้นจะมีหุ้น 18 ตัวที่ให้ผลตอบแทนมากกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (SET) และดัชนีกลุ่ม (SET50) โดยเห็นได้จากดัชนีตลาดช่วง 11 เดือนเพิ่มขึ้น 17.25% จากระดับ 1288.02 จุด (30 ธ.ค. 58) บวก 222.22 จุด มาอยู่ที่ระดับ 1510.24 จุด (30 พ.ย.59) ส่วนดัชนี SET50 เพิ่มขึ้น 15.93% จากระดับ 813.55 จุด บวก 129.63จุด มาอยู่ที่ 943.18 จุด (30 พ.ย.59) นำโดย CBG, KCE, GPSC, CPF, IVL, CPALL, ROBINS และ HMPRO

หลักทรัพย์ 30 พ.ย.59 31 ธ.ค.58 เปลี่ยนแปลง
บาท %
CBG  76.25 34.50 41.75 121.01
KCE  120.50 70.00 50.50 72.14
GPSC  36.50 22.20 14.30 64.41
CPF  28.75 18.30 10.45 57.10
IVL  33.00 21.30 11.70 54.93
CPALL  60.25 39.25 21.00 53.50
ROBINS  66.00 43.50 22.50 51.72
HMPRO  10.30 6.80 3.50 51.47
BEM  7.75 5.25 2.50 47.62
PTTEP  82.50 57.25 25.25 44.10
PTT  349.00 244.00 105.00 43.03
EGCO  199.00 151.50 47.50 31.35
MTLS  27.25 21.30 5.95 27.93
PTTGC  62.50 50.00 12.50 25.00
TRUE  1.68 1.35 0.33 24.44
SCB  146.50 119.50 27.00 22.59
TCAP  44.00 36.50 7.50 20.55
TU  20.70 17.20 3.50 20.35
CPN  56.50 47.00 9.50 20.21
BANPU  18.70 16.00 2.70 16.88
AOT  402.00 346.00 56.00 16.18
KBANK  169.50 150.50 19.00 12.62
IRPC  4.84 4.30 0.54 12.56
DTAC  34.00 30.25 3.75 12.40
TOP  74.00 66.00 8.00 12.12
TPIPL  2.32 2.10 0.22 10.48
CK  31.50 29.00 2.50 8.62
GLOW  79.00 74.00 5.00 6.76
KTB  17.60 16.70 0.90 5.39
WHA  3.00 2.86 0.14 4.90
BA  24.20 23.10 1.10 4.76
BDMS  23.30 22.30 1.00 4.48
SCC  476.00 460.00 16.00 3.48
MINT  9.50 9.25 0.25 2.70
BBL  156.00 152.50 3.50 2.30
TTW  10.80 10.60 0.20 1.89
BCP  32.75 33.00 -0.25 -0.76
DELTA  75.75 76.50 -0.75 -0.98
LH  9.30 9.45 -0.15 -1.59
INTUCH  49.75 52.00 -2.25 -4.33
BTS  8.70 9.10 -0.40 -4.40
ADVANC  144.50 152.00 -7.50 -4.93
BLA  52.75 55.50 -2.75 -4.95
CENTEL  41.25 44.00 -2.75 -6.25
BH  192.00 211.00 -19.00 -9.00
SAWAD  41.00 47.75 -6.75 -14.14
TMB  2.02 2.42 -0.40 -16.53
BEC  18.50 30.50 -12.00 -39.34
PS  15.20 26.50 -11.30 -42.64
TASCO  18.10 40.50 -22.40 -55.31

 

โดย อันดับ 1บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG ราคาช่วง 11 เดือนปรับตัวเพิ่มขึ้น 121.01% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 34.50 บาท บวก 41.75 บาท มาอยู่ที่ 76.25 บาท ณ วันที่ 30 พ.ย.59 

ด้านนักวิเคราะห์ บล.เออีซี ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” CBG ให้ราคาเป้าหมาย 85 บาท/หุ้น หลัง CBG ตั้งเป้าเป็นเบอร์หนึ่งตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังในประเทศ โดยตั้งแต่เดือน มิ.ย. 59 พบว่าคาราบาวยังคงรักษาส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับหนึ่งที่ภาคกลาง (ภาคกลางยกเว้นกรุงเทพฯมีส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังราว 27% ) และเตรียมที่จะชิงส่วนแบ่งตลาดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือต่อไป (ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดราว 26%)

ขณะที่ยังคงประมาณการเดิม โดยคาดช่วงไตรมาส 4/59 กำไรจะหดตัวจากไตรมาสก่อนเพราะมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่สูงขึ้นจากการรุกตลาดที่ยุโรป แต่ยังคงเห็นการเติบโตจากปีก่อนจากการเพิ่มความเข้มข้นในกลยุทธ์เชิงรุกและรับ หนุนให้ทั้งปี 2559 บริษัทจะมีกำไรสุทธิ 1,513 ล้านบาท โต 20.5% จากปีก่อน

นอกจากนี้ยังคงมั่นใจศักยภาพการเติบโตในระยะยาวของ CBG บวกกับราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside จากพื้นฐานปี 2560 (วิธี DCF) ที่ 85 บาท และคาดมีเงินปันผลจ่ายจากกำไรช่วงครึ่งปีหลังของปี 59 ที่หุ้นละ 0.66 บาท คิดเป็น Div. Yield 0.9% จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”

 

อันดับ 2บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE ราคาช่วง 11 เดือนปรับตัวเพิ่มขึ้น 72.14% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 120.50 บาท บวก 50.50 บาท มาอยู่ที่ 70.00 บาท ณ วันที่ 30 พ.ย.59

ด้านนักวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” KCE ให้ราคาเป้าหมายระยะสั้น 125 บาท หลังจากแนวโน้มของการใช้ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นทำให้ความต้องการแผ่นวงจรพิมพ์สำหรับยานยนต์ (Automotive PCB) เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การขยายกำลังการผลิตเฟส 3 ของโรงงานที่ลาดกระบังช่วยเพิ่มกำลังการผลิตรวมอีก 23% ซึ่งจะเริ่มการผลิตต้นปี 2560

ด้านอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ยังคงอยู่ในทิศทางขาขึ้นจากความประหยัดต่อขนาด (economies of scale) ที่ปรับดีขึ้นและอัตราของเสียที่ดีที่ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ ทั้งนี้ ทิศทาง GPM ที่ดีขึ้นจะยังคงมีต่อเนื่องในครึ่งหลังของปี 59 เนื่องจากมีประสิทธิภาพที่สูงขึ้น

ขณะที่ยังมีปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตต่อไปคือการขยายโครงการเฟส 3 ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินงานและจะเข้าสู่ช่วงทดสอบในไตรมาส 4/59 สำหรับกำลังการผลิตใหม่จะพร้อมดำเนินงานเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 1/60 ทั้งนี้มองว่ากำไรมีทิศทางที่แข็งแกร่ง ซึ่งคาดการเติบโตเฉลี่ยที่ 20.6% ในปี 2560-61          

 

อันดับ 3บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ราคาช่วง 11 เดือนปรับตัวเพิ่มขึ้น 64.41% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 22.20 บาท บวก 14.30 บาท มาอยู่ที่ 36.50 บาท ณ วันที่ 30 พ.ย.59

ด้านนักวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” GPSC ราคาเป้าหมาย 39 บาท/หุ้น โดยคงประมาณการปี 59 ที่ 2.76 พันล้านบาท เติบโต 45% จากปีก่อนโดยมีมุมมองเชิงลบต่อผลประกอบการในไตรมาส 4 เนื่องจากคาดว่าจะไม่มีเงินปันผลรับจาก โรงไฟฟ้าราชบุรี (ประกาศจ่ายปันผลทุกไตรมาส 1 และ 3) อีกทั้งเริ่มเข้าฤดูหนาวทำให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าลดลง 

ทั้งนี้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 60 เพิ่มขึ้น 3% สู่ระดับ 2.91 พันล้านบาท : ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกต่อผลประกอบการปี 60 แม้ว่าปันผลรับจากโรงไฟฟ้าราชบุรีจะลดลงตามอายุของโรงไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น  อีกทั้ง BOI ของบริษัทจะหมดอายุ 3 โครงการในปลายปีนี้ทำให้อัตราภาษีเพิ่มขึ้นจาก 3-4% ในปีนี้เป็น 6-7%ในปีหน้า  อย่างไรก็ตามเรามองว่ากำลังการผลิตใหม่ที่เพิ่มเข้ามา 153.85MW ในปี 60 โดยเฉพาะโรงไฟฟ้า IRPC CLEAN เฟส2 กำลังการผลิต 99 MW (COD 2Q60) จะเป็นโครงการหลักที่หนุนให้ผลประกอบการเติบโตจากปี 59 ได้จึงปรับเพิ่มประมาณกำไรปี 60 เพิ่มขึ้น 3% สู่ระดับ 2,907 ล้านบาทเติบโต 5% จากปีก่อน พร้อมคาดเงินปันผลที่ 1.15 บาทต่อหุ้นในปี 59 คิดเป็นอัตราผลตอบแทน 3.3% ต่อปี

 

อันดับ 4บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF ราคาช่วง 11 เดือนปรับตัวเพิ่มขึ้น 57.10% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 18.30 บาท บวก 10.45 บาท มาอยู่ที่ 28.75 บาท ณ วันที่ 30 พ.ย.59

ด้านนักวิเคราะห์ บล.เอเชีย เวลท์ ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “HOLD” CPF ราคาเป้าหมาย 27 บาท/หุ้น โดยทำการปรับลดคำแนะนำ และราคาเป้าหมายลงเนื่องจากผลกระทบของไข้หวัดนก เกรงว่าจะทำให้การบริโภคไก่ของพลเมืองในญี่ปุ่น ยุโรป เกาหลีใต้ และจีน ชะลอตัวลงระยะหนึ่ง ซึ่งคาดว่าจะกระทบกับการส่งออกไก่ของประเทศไทย  ขณะที่ไตรมาส 4 และ 1 เป็นช่วงโลว์ซีซั่นของการส่งออกสินค้าประเภทอาหารแปรรูป ต้องรอไฮท์ซีซั่นไตรมาส 2 และ 3 ปีหน้า 

 

อันดับ 5บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL ราคาช่วง 11 เดือนปรับตัวเพิ่มขึ้น 54.93% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 21.30 บาท บวก 11.70 บาท มาอยู่ที่ 33.00 บาท ณ วันที่ 30 พ.ย.59

ด้านนักวิเคราะห์ บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ขาย” IVL ราคาเป้าหมาย 23.70 บาท/หุ้น หลังอัตรากำไรของผลิตภัณฑ์ Polyester คงที่ในเดือน ต.ค. หลังจากที่ปรับตัวลดลงในเดือนที่ผ่านมา ในด้านของผลิตภัณฑ์ปลายน้ำ PET เรซินของทางตะวันตกมีอัตรากำไรลดลง 17% จากปีก่อนเป็น 172 ดอลลาร์/ตัน ขณะที่ราคา PET ของทางเอเซียปรับตัวลดลง 4% จากปีก่อนเป็น 108 ดอลลาร์/ตัน

ขณะที่ตลาด PET รับรู้กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นแล้วจากข้อมูลของ IHS อุปสงค์ของอุตสาหกรรมผลิตขวด PET เพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในเดือน ต.ค.  แต่คาดว่าจะคงที่ในช่วงไตรมาส 1/60 ในขณะที่กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น โดยทาง M&G ยังอยู่ระหว่างการเริ่มโรงงาน Corpus Christi PET ในช่วงปลายไตรมาส 1/60 และจะทำให้อุปทานในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมาก

ทั้งนี้มองว่าอัตรากำไรของกลุ่มจะลดลงในปี 60 โดยอัตรากำไรของ PET อาจลดลงได้อีกใน 2H17 และอัตรากำไร PTA ที่ดีกว่าคาด จากการหยุดผลิตของกลุ่มประเทศ G20 และอุปสงค์ของผลิตภัณฑ์ปลายน้ำที่เพิ่มขึ้นจากหน้าร้อนที่ยาวขึ้น

 

ทั้งนี้ราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นแรงดังกล่าว ส่วนใหญ่จะได้ปัจจัยบวกจากเศรษฐกิจที่เอื้อให้ผลการดำเนินงานโดดเด่น ส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นหลังมองเห็นถึงพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และศักยภาพการวางแผนธุรกิจของผู้บริหาร อย่างไรก็ตามราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นอาจอยู่ในภาวะแรงซื้อมากเกินไป นักลงทุนก็ต้องระวังการเข้าลงทุนไว้ด้วยขณะที่ต้องดูค่า P/E เพื่อประกอบการตัดสินใจว่าหุ้นตัวนั้นถูกหรือแพงเกินไปหรือไม่

ขณะที่หุ้นที่ปรับตัวลงแรงนั้น หุ้นบางตัวอาจถูกปัจจัยลบส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวลงแรง ทั้งนี้นักลงทุนยังสามารถเลือกซื้อหุ้นที่มีราคาถูกเหล่านี้ได้ หากบริษัทนั้นๆยังมีผลการดำเนินงานที่ดี และพื้นฐานยังแข็งแกร่ง เพราะหากมีพื้นฐานที่แข็งแกร่งหุ้นจะมีโอกาสปรับตัวกลับขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว

 

*อนึ่งราคาหุ้นบริษัท พฤกษา จำกัด (มหาชน) หรือ PS ปรับตัวลงแรง เนื่องจากบริษัทได้ทำการปรับโครงสร้างเป็นโฮลดิ้ง โดยการนำบริษัทพฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน ) หรือ PSH เข้าจดทะเบียนแทน และเพิกถอนหลักทรัพย์ PS ในวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้ก่อนก่อนวันถูกเพิกถอนราคาหุ้นปรับตัวลงแรง

 

โดยข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button