SET ปรับขึ้นต่อ SEAFCO-PYLON นำทีม 11 หุ้นร้อน

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ผันผวนในทิศทางขึ้นและมีโอกาสที่จะทะลุผ่าน High เดิมที่ระดับ 1,523 จุด จากแรงเก็งกำไรผลประชุม ECB ขณะที่หุ้นขนาดกลางและเล็กจะยังมีแรงเก็งกำไรต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มรับเหมาก่อสร้างเนื่องจากสัปดาห์หน้า รฟม.จะเปิดประมูลสายสีส้ม ทั้งหมด 6 สัญญา มูลค่ารวมกว่า 1 แสนล้านบาท


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.22 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.59 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะขยายเวลาการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมวันนี้ เพื่อสกัดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการลงประชามติในอิตาลี

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ผันผวนในทิศทางขึ้นและมีโอกาสที่จะทะลุผ่าน High เดิมที่ระดับ 1,523 จุด จากแรงเก็งกำไรผลประชุม ECB ขณะที่หุ้นขนาดกลางและเล็กจะยังมีแรงเก็งกำไรต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มรับเหมาก่อสร้างเนื่องจากสัปดาห์หน้า รฟม.จะเปิดประมูลสายสีส้ม ทั้งหมด 6 สัญญา มูลค่ารวมกว่า 1 แสนล้านบาท หุ้นเด่นเลือก KKP-CK-SEAFCO-PYLON-KTC-BEAUTY-BJC-ROBINS-HMPRO-GFPT และ PAP

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (8 ธ.ค.) ว่า SET จะปรับสูงขึ้นไปที่ 1,545 จุด แข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ด้วยปัจจัยสนับสนุนจาก 1) ตลาดหุ้น Dow Jones ปรับสูงขึ้นแกร่ง +1.55% จากคาดหวัง ECB ขยายเวลาการทำ QE ต่อไปอีก 6 เดือน จากที่จะสิ้นสุดใน มี.ค.17 นี้เป็น ก.ย.17 2) ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานคืบหน้า และคาดว่าจะรู้ผลการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มภายใน ธ.ค.นี้ เป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มรับเหมาฯ อย่าง CK STEC SEAFCO PYLON 3) ยังคาดรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นบริโภคเพิ่ม แม้ ครม.ยังไม่ได้นำขึ้นพิจารณาวานนี้ และ 3) แรงซื้อจากกองทุน LTF ปลายปี

แนะนำ “ซื้อ” กลุ่มรับเหมาฯ ค้าปลีก ต่อเนื่อง และ “ซื้อ” KKP

1) กลุ่มรับเหมาฯ: “ซื้อ” CK คาดชนะการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม และ “ซื้อ” SEAFCO PYLON รับงานฐานรากเพิ่ม และ “เก็งกำไร STEC

2) กลุ่มค้าปลีก-บัตรเครดิต: “ซื้อ” KTC BEAUTY BJC ROBINS HMPRO

3) “ซื้อ” KKP ปรับเป้าหมายพื้นฐานเป็น 63.00 บาท ต้นทุนการเงินยังต่ำ และยอดปล่อยสินเชื่อรถยนต์จะกลับมาฟื้นตัวปีหน้า ปันผลสูง 7.6-8.2%

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (8 ธ.ค.) คาด SET เคลื่อนไหวผันผวนในทิศทางขึ้นและมีโอกาสที่จะทะลุผ่าน High เดิมที่ระดับ 1,523 จุด ขึ้นไปได้ โดยมีปัจจัยหนุนคือ 1) ได้ Sentiment เชิงบวกจากการปรับขึ้นของตลาดหุ้นต่างประเทศเนื่องจากนักลงทุนคาดหวัง ECB จะขยายระยะเวลาในการทำ QE ออกไปจากเดิมอีก 6 เดือน 2) แรงขายจากนักลงทุนต่างชาติเริ่มลดลง 3) คาดมีแรงซื้อใหม่จากกองทุน LTF และ RMF เข้ามาช่วยหนุน

อย่างไรก็ตาม คาดดัชนีจะยังเพิ่มขึ้นได้ไม่มาก เนื่องจากหุ้นในกลุ่มพลังงานยังถูกกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงแรงต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ส่วนหุ้นขนาดกลางและเล็กจะยังมีแรงเก็งกำไรกันต่อเนื่อง อาทิ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง (CK STEC UNIQ ITD) เนื่องจากสัปดาห์หน้า รฟม.จะเปิดประมูลสายสีส้ม ทั้งหมด 6 สัญญา มูลค่ารวมกว่า 1 แสนล้านบาท และหุ้นที่คาดว่าจะได้รับเข้าคำนวณในดัชนี SET50/SET100 รอบใหม่ซึ่งจะประกาศในช่วงสัปดาห์หน้าก็คาดว่าจะมีแรงเก็งกำไรเช่นกัน หุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 คือ SPRC PTG GL GLOBAL THAI และ SET100 TKN ESSO GFPT STA และ VIBHA

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective buy

หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : GFPT (ซื้อ/เป้า 18.00 บาท) รับอานิสงส์ราคาไก่เริ่มปรับตัวขึ้น, PAP (ซื้อ เป้า Consensus 5.80 บาท) ราคาเหล็กปรับตัวขึ้นต่อเนื่องได้ประโยชน์จากมาตรการ AD เหล็กนำเข้าจากจีนและเกาหลี และคาดหวังเงินปันผลในปีนี้ประมาณ 8-10%

 

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (8 ธ.ค.) คาด SET วันพฤหัสฯ ยังคงปรับขึ้น แรงเก็งกำไรผลประชุม ECB หนุนหุ้นโลก (วานนี้ดัชนีฯ บวกแคบๆ ตามคาด) ทั้งนี้ค่าเงินดอลล่าร์ฯ ที่ทรงตัว และบอนด์ยิลด์สหรัฐฯ ที่พลิกมาลงเมื่อคืน ผนวกกับความคาดหวังของตลาดต่อผลประชุม ธ.กลางยุโรป (ECB) จะหนุนจิตวิทยาหุ้นเอเชียและฟันด์โฟลว์ต่อไป ส่งผลให้ดัชนีฯ ยังเทรดเหนือเป้าสิ้นปีได้อยู่ โดย consensus คาดว่า ECB จะประกาศขยายเวลามาตรการ QE ไปอีก 6 เดือน ไปสิ้นสุด ก.ย. 2560 (อย่างไรก็ตาม KGI มองว่าจะยังไม่มีการประกาศในวันนี้ และหากมองถูก ตลาดหุ้นโลกจะชะลอตัวในวันพรุ่งนี้)

คงมองการปรับขึ้นของดัชนีฯ มีจำกัด ด้วยประเด็นของ valuations ที่ค่อนข้างสูงในระยะสั้น ผนวกกับราคาน้ำมันลง 2.1% หลังสำรองน้ำมันเบนซินรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ สูงกว่าคาด น่าจะถ่วงหุ้นพลังงาน เราจึงคงเน้นหุ้นขนาดกลางซึ่งมีธีมลงทุนเด่น เช่นหุ้นเชื่อมโยงโครงการรัฐฯ และหุ้นเติบโตสูงในปี 2560

หุ้นเด่นวันนี้ SEAFCO (เป้าพื้นฐาน 14.40 บาท), PYLON (เป้าพื้นฐาน 13.50 บาท)

Back to top button