SET บ่ายยืนบวก ชู 6 หุ้นเด่นกลุ่มค้าปลีก มีปัจจัยหนุน

SET บ่ายยืนบวก พร้อมให้แนวต้านในกรอบ 1,528-1,536 จุด แนวรับ 1,515 จุด โบรกฯ ชู 6 หุ้นเด่นกลุ่มค้าปลีก มีปัจจัยหนุน นำโดย KTC, BJC, BEAUTY, GLOBAL, ROBINS และ HMPRO


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงานตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ภาคเช้า (8 ธ.ค.) ปรับตัวในแดนบวกต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 โดยเม็ดเงินกระจายลงทุนทั้งในกลุ่มแบงก์ สื่อสาร และ Domestic Play จากคาดหวังเชิงบวกต่อนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ขณะที่ก่อนหน้านี้เงินลงทุนจะอยู่ในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์เป็นหลัก นอกจากนี้สัญญาณ Fund flow ยังเป็นบวก หลังตั้งแต่ต้นเดือนธ.ค.เห็นการเข้าซื้อสุทธิ จากช่วงเดือนพ.ย.ที่ส่วนใหญ่อยู่ฝั่งขายสุทธิ ประกอบกับบรรยากาศของตลาดหุ้นต่างประเทศที่สดใสส่งผลเชิงจิตวิทยาการลงทุนในหุ้นไทยด้วย และน่าจะยังคงผลักดันให้ดัชนียืนอยู่ในแดนบวกได้ต่อไปในการซื้อขายภาคบ่าย โดยมองแนวต้านในกรอบ 1,528-1,536 จุด แนวรับ 1,515 จุด

นายคณฆัส จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้อยู่ในแดนบวกได้ต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 โดยมีแรงผลักดันเป็นเม็ดเงินที่เข้ามาในกลุ่มอื่นบ้างหลังก่อนหน้านี้เป็นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์เป็นหลัก แต่วันนี้จะเห็นการปรับตัวขึ้นของกลุ่มสื่อสาร ธนาคาร และหุ้นขนาดกลาง ในกลุ่ม Domestic Play เข้ามา จากปัจจัยบวกภายในประเทศต่อความคาดหวังรัฐบาลออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ยังได้รับจิตวิทยาจากตลาดหุ้นต่างประเทศที่สดใส และทิศทาง Fund flow ที่กลับมาซื้อสุทธิในช่วงเดือนธ.ค.นี้ หลังจากที่เดือนพ.ย.ส่วนใหญ่อยู่ฝั่งขายสุทธิ ประกอบกับในตลาดอนุพันธ์ที่ส่วนใหญ่อยู่ในสถานะ short ช่วงนี้ก็กลับมาเปิด long บ้างแล้วสำหรับทิศทางตลาดหุ้นไทยในช่วงบ่ายคาดว่าจะอยู่แดนบวกต่อได้ โดยให้กรอบแนวต้าน 1,528-1,536 จุด แนวรับ 1,515 จุด

 

บล.ธนชาตระบุในบทวิเคราะห์ (8 ธ.ค.) ว่า SET ภาคเช้าปรับสูงขึ้นแกร่ง ตั้งแต่เปิดตลาด ด้วยปัจจัยสนับสนุนจาก 1) คาด ECB ขยายเวลาการทำ QE มูลค่า EUR8 หมื่นล้าน/เดือน ต่อไปอีก 6 เดือน เป็นสิ้นสุด ก.ย.17 2) คาดประกาศผู้ชนะประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม 8 หมื่นล้านบาท เร็วๆ นี้ และแนวโน้มกาขยายตัวเศรษฐกิจปีหน้า 3) แรงซื้อกองทุน LTF และ 4) คาด ครม.ออกมาตรการลดหย่อนภาษีซื้อสินค้า-บริการ 15,000 บาท เป็นปัจจัยหนุนเศรษฐกิจโค้งสุดท้ายของปีนี้ เป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มค้าปลีก แนะนำ “ซื้อ” KTC BJC BEAUTY GLOBAL ROBINS HMPRO

ในขณะเดียวกัน แนะนำ “ซื้อ” CK ด้วยเป้าหมายพื้นฐาน 38 บาท ด้วยปัจจัยสนับสนุนจาก 1) การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐฯ มีความชัดเจน และเร่งตัวขึ้นปีหน้า ขณะที่ระยะสั้นคาดว่า CK มีโอกาสชนะการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มมูลค่า 8 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะเป็น catalyst ระยะสั้น 2) ราคาหุ้นปัจจุบันที่ 31.75 บาท ยังไม่สะท้อนมูลค่าธุรกิจรับเหมาฯ ที่ 15 บาท/หุ้น โดยถ้าพิจารณาจาก NAV ของบริษัทลูกจะเห็นว่าอยู่ที่ 30.25 บาท/หุ้นไปแล้ว 3) ธุรกิจบริษัทลูกมีการขยายตัวได้อีกมากในอนาคต ไม่ว่าจะเป็น BEM ที่กำลังเจรจาเดินรถของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย, CKP เจรจาลงทุนโรงไฟฟ้าเพิ่มในลาว และ TTW กำลังขยายธุรกิจน้ำประปาในพม่า ซึ่ง CK ได้รับผลดีจากบริษัทลูกสูงถึง 1.1-14 พันล้านบาท/ปี ในช่วง 2016-18

 

สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า

INTUCH มูลค่าการซื้อขาย 1,436.99 ล้านบาท ปิดที่  51.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท

JAS  มูลค่าการซื้อขาย 1,102.15 ล้านบาท ปิดที่   8.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.35 บาท

ADVANC มูลค่าการซื้อขาย   991.72 ล้านบาท ปิดที่ 148.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท

KBANK  มูลค่าการซื้อขาย   930.58 ล้านบาท ปิดที่ 174.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท

VNT  มูลค่าการซื้อขาย   807.51 ล้านบาท ปิดที่  18.60 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท

Back to top button