LIT แย้ม Q4 โตต่อเนื่อง ตั้งเป้าปี 60 ยอดสินเชื่อแตะหมื่นล้าน

LIT แย้มผลการดำเนินงานไตรมาส 4/59 โตต่อเนื่อง รับความต้องการสินเชื่อลูกค้า SME หลังรัฐเดินหน้าลงทุนเมกะโปรเจ็กต์ ตั้งเป้าปี 60 ยอดปล่อยสินเชื่อหมื่นล้านบาท


นายสมพล เอกธีรจิตต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลีซ อิท จำกัด (มหาชน) หรือ LIT เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/59 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 3/59 ที่ผ่านมา โดยได้รับปัจจัยหนุนจากความต้องการสินเชื่อของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่เพิ่มมากขึ้น จากการที่ภาครัฐเดินหน้าลงทุนเมกะโปรเจ็กต์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้

“ผมมั่นใจยอดปล่อยสินเชื่อ รายได้ และกำไร ในปีนี้ จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ในช่วงก่อนหน้าที่คาดว่าจะเติบโต 30% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เพราะ LIT มีโปรดักท์การเงินที่มีความหลากหลาย ภายใต้จุดแข็ง อนุมัติสินเชื่อรวดเร็ว ให้วงเงินสูง ไม่จำเป็นต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ทำให้ลูกค้าเอสเอ็มอี ให้ความไว้วางใจและขอรับบริการสินเชื่อกับ LIT “นายสมพลกล่าว

โดยตั้งแต่ไตรมาส 1-3 ของปีนี้ บริษัทฯ มีปริมาณการปล่อยสินเชื่อรวม 5,275 ล้านบาท ซึ่งถ้าเทียบกับไตรมาส 1-3 ปีที่แล้ว ซึ่งมีปริมาณการปล่อยสินเชื่อรวม 3,618 ล้านบาท มีการเติบโตถึง 46% ทำให้พอร์ตสินเชื่อรวมของบริษัท เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็น 1,438 ล้านบาท จากไตรมาส 3 ปีที่แล้วที่พอร์ตสินเชื่อของบริษัทอยู่ที่ 1,101 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30%

สำหรับปี 2560 ลีซ อิท ได้กำหนดเป้าหมายในการเติบโตทั้งในส่วนของยอดการปล่อยสินเชื่อ พอร์ตสินเชื่อและรายได้ โดยตั้งเป้าหมายปริมาณการปล่อยสินเชื่อในปี 2560 ที่ 10,000 ล้านบาท โดยมุ่งเน้นที่สินเชื่อแฟคตอริ่ง (Factoring) หรือการรับซื้อหนี้การค้าและสินเชื่อเพื่อออกหนังสือค้ำประกันซองประมูล (Bid Bond) ซึ่งสินเชื่อทั้งสองประเภทนี้ มีความต้องการใช้สินเชื่อจากลูกค้าSMEs เป็นจำนวนมาก และได้รับผลบวกจากการขยายตัวการลงทุนจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ ที่ยังคงมีปริมาณสูงและคาดว่าจะต่อเนื่องในปี 2560 และบริษัทฯ ได้กำหนดเป้าหมายพอร์ตสินเชื่ออยู่ที่มากกว่า 2,200 ล้านบาท

โดยเน้นการเพิ่มพอร์ตสินเชื่อLeasing/Hire Purchase ให้ถึง 550 ล้านบาทภายในปี 2560 เพื่อให้บริษัทฯ มีรายได้สม่ำเสมอ (Recurring Income) และครอบคลุมต้นทุนคงที่ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้กำหนดเป้าหมายการเติบโตของรายได้รวมมากกว่า 30% เมื่อเทียบกับปี 2559 โดยเน้นเพิ่มเป้ารายได้จากสินเชื่อให้กู้ยืมเพื่อสนับสนุนโครงการ (Project Backup Finance) ให้อยู่ที่มากกว่า 35% ของรายได้รวม เนื่องจากเป็นสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูง โดยบริษัทฯ จะคัดเลือกลูกค้าที่มีศักยภาพมาใช้บริการสินเชื่อประเภทนี้เพื่อเป็นการบริหารความเสี่ยง

อย่างไรก็ตามแม้ภาพรวมการดำเนินงานในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2557-2559) หลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) พอร์ตสินเชื่อปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก แต่บริษัทฯยังคงให้ความสำคัญกับเรื่องของการดูแลคุณภาพสินเชื่อ และการตั้งสำรองหนี้สูญ หรือหนี้สงสัยจะสูญ เป็นอย่างมาก โดยในปี 2559 ตั้งเป้าหมายการสำรองไว้ที่ 2.50% ของสินเชื่อคงค้าง และในปี 2560 ตั้งเป้าหมายการสำรองไว้ที่ 2.75% เพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายการตั้งสำรองที่บริษัทฯ เคยกำหนดไว้ที่ 3% ในอนาคต

นอกจากนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการรุกตลาดสินเชื่อเอสเอ็มอีในปี 2560 โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2559 ที่ผ่านมา ได้มีมติอนุมัติให้ออกตั๋วแลกเงิน (Bill of Exchange) วงเงินไม่เกิน 900 ล้านบาท อายุไม่เกิน 270 วัน หรือ 9 เดือน เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ โดยเสนอขายตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2559 ซึ่งจะช่วยทำให้การบริหารงานมีความคล่องตัว และสามารถควบคุมต้นทุนทางการเงินให้สอดคล้องกับยอดปล่อยสินเชื่อได้ดีขึ้น ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้กำหนดเป้าหมายการรักษาอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่ 4:1 เท่า เพื่อให้โครงสร้างทุนสอดคล้องกับการเติบโตของบริษัทในปี 2560 นี้ด้วย

 

Back to top button