หุ้นยางพาราพลวัต 2016

ราคาหุ้นค้ายางพาราอย่าง STA วิ่งบวกแรงต่อเนื่องมากกว่า 100% เพราะข่าวเรื่องของราคายางพาราในตลาดโลกพุ่งจากการฟื้นตัวของการผลิตรถยนต์ในจีน และสต๊อกยางในจีนลดลง ผสมโรงเข้ากับความเชื่อว่า เมื่อราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น ราคาสินค้าโภคภัณฑ์จะปรับตัวขึ้นแรงตามไปด้วย


ราคาหุ้นค้ายางพาราอย่าง STA  วิ่งบวกแรงต่อเนื่องมากกว่า 100% เพราะข่าวเรื่องของราคายางพาราในตลาดโลกพุ่งจากการฟื้นตัวของการผลิตรถยนต์ในจีน และสต๊อกยางในจีนลดลง ผสมโรงเข้ากับความเชื่อว่า เมื่อราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น ราคาสินค้าโภคภัณฑ์จะปรับตัวขึ้นแรงตามไปด้วย

การวิ่งขึ้นของหุ้น STA ซึ่งเป็นผู้ค้าและส่งออกรายใหญ่ของไทย ทำให้หุ้นอื่นๆ เช่น TRUBB วิ่งขึ้นตามไปด้วย ขณะที่หุ้นสินค้าโภคภัณฑ์อื่น เช่น น้ำตาลอ ย่าง KSL และหุ้นน้ำมันพืชอย่าง TVO วิ่งแรงตามไปด้วย ทั้งที่ว่ากันตามจริงแล้ว ขาขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่แท้จริงยังไม่ได้เกิดขึ้นด้วยซ้ำไป ยกเว้นกรณีพิเศษของราคายางพาราเท่านั้น

การที่ราคายางพาราวิ่งแรง จนกระทั่งราคาซื้อขายในตลาดกลางยางแผ่นมาตรฐานในประเทศไทย วิ่งขึ้นเหนือ 70 บาทต่อกิโลกรัม เชื่อมโยงเข้ากับหลายปัจจัยนับตั้งแต่

– นักวิเคราะห์ธุรกิจยางพาราในตลาดโลก ระบุตรงกันเพื่อปรับมุมมองใหม่ว่า อุปทานผลผลิตกับความต้องการใช้ยางพาราปีนี้ และอีก 2 ปีข้างหน้า (ปี 2559-61) จะพลิกเป็นขาดแคลน หรือติดลบต่อเนื่อง โดยคาดว่าสิ้นปี 2559 ตัวเลขอุปทานจะขาดแคลนราว 1.51 แสนตัน ส่วนปีหน้า 2560 จะขาดแคลน 1.90 หมื่นตัน และในปี 2561 จะขาดแคลน  3.73 แสนตัน จากความต้องการใช้ยางพาราที่แข็งแกร่งทั่วโลก

– การฟื้นตัวของยอดขายรถยนต์นั่งในจีน เดือนพ.ย. 59 เติบโตถึง 16.6%เทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนหนุนความต้องการใช้ยางรถยนต์เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทำให้สต๊อกยางพาราหลักของจีนที่เมืองชิงเต่า ลดลงต่อเนื่องเหลือเพียง 5 หมื่นตัน ทำระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี

– ราคาน้ำมันดิบดูไบที่ล่าสุดอยู่ที่เหนือกว่า 51 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นถึง 20.7% ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ราคายางสังเคราะห์แพงขึ้น ส่งผลต่อความต้องการใช้ยางธรรมชาติเพิ่มขึ้นโดยปริยาย ราคายางจึงสอดคล้องกับทิศทางราคาน้ำมันดิบโลกที่ฟื้นตัว

– ปัญหาผลผลิตในไทยที่ลดลง ทั้งจากสภาพภัยแล้งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  และสภาพฝนตกชุก-น้ำท่วมบางพื้นที่ทางภาคใต้ของไทยซึ่งเป็นแหล่งปลูกยางใหญ่ในช่วงเดือนที่ผ่านมา ส่งผลกระทบให้ผลผลิตยางพาราออกสู่ตลาดลดลง และพลอยกระทบไปถึงประเทศมาเลเซียด้วยเช่นกัน ทำให้มาเลเซียมีแผนจะนำเข้ายางพาราจากไทย 2 หมื่นตัน/เดือน

ตัวแปรทั้งทางเทคนิคและพื้นฐานเหล่านี้ มีผลทำให้การวิ่งขึ้นของราคาหุ้นยางพารากระฉูดแรง เป็นปกติของตลาดแต่คำถามว่า ราคาหุ้นจะวิ่งเป็นขาขึ้นได้ยาวแค่ไหน ยังมีคำตอบไม่ชัดเจน

เหตุผลก็เพราะว่า ราคายางมาขึ้นในไตรมาสสี่ เพียงแค่ 2 เดือนเท่านั้น ยังไม่สามารถชดเชยตัวเลขที่ย่ำแย่ตลอดทั้งปีได้

ในระยะสั้น นักวิเคราะห์ยังประเมินความสามารถทำกำไรของหุ้นยางพาราในระดับต่ำมาก โดยประเมินว่า คาดกำไรสุทธิปี 2559 โดยเฉลี่ยของบริษัทค้าและส่งออกยางพาราส่วนใหญ่ของไทย จะยังคงอ่อนตัวและลดลงระดับ 5%  เทียบกับปีก่อนจากหลายปัจจัย เช่น จากค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลง ทำให้การบันทึกกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนลดลง แม้ว่าจะมีกำไรจากการดำเนินงานปกติ จะเพิ่มขึ้น 12%จากตัวเลขราคาขายในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีนี้ รวมทั้งปริมาณการขายที่มากขึ้นด้วย จากความสามารถบริหารการจัดซื้อวัตถุดิบยางพาราได้ดีในช่วงเวลาที่ตลาดอยู่ในช่วงยากลำบาก

เพียงแต่ปี 2560-61 น่าจะถือเป็นโอกาสทองของธุรกิจยางพาราที่จะเป็นขาขึ้นเต็มตัว เพราะคาดหมายกันว่า แนวโน้มกำไรสุทธิปี 2560 จะเพิ่มขึ้นถึง 40-50% จากคาดการณ์ปริมาณขายยางพารายังเติบโตต่อเนื่องเพราะมีความต้องการใช้ยางพาราทั่วโลกแข็งแกร่งต่อเนื่อง หนุนแนวโน้มราคายางปรับเพิ่มขึ้น

ตลาดยางพาราขาขึ้น ทำให้มีการปรับเพิ่มสมมติฐานราคาขายยางแท่ง และยางแผ่น ของปี 2560-61 เฉลี่ยมากกว่า 2,000 พันดอลลาร์สหรัฐ/ตัน เทียบกับต้นปีนี้ที่อยู่เพียงแค่ระดับ 1,600 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน

ทิศทางขาขึ้นของยางพาราเช่นนี้ ถือเป็นข่าวดีอย่างสำคัญทีเดียว ไม่ใช่เฉพาะหุ้นยางพาราเท่านั้น แต่รวมความถึงชาวสวนยาง หรือผู้ที่กำกับดูแลนโยบายยางพาราของชาติในหน่วยงานรัฐด้วย

สำหรับนักลงทุน ราคาหุ้นยางพาราขาขึ้น นับว่าน่าสนใจสำหรับการลงทุนไม่น้อย เพียงแต่จะต้องจับจังหวะสัญญาณทางเทคนิคของการเข้าซื้อ และขายออก เอาไว้ให้ดี เพราะว่าธรรมชาติของราคาหุ้นโภคภัณฑ์นั้น เปลี่ยนแปลงรวดเร็วอย่างมากตามข่าวสารที่ออกมาในแต่ละช่วงเวลา ที่กระทบต่อจังหวะการบวกและลบของราคาหุ้นได้รุนแรง

นักลงทุนที่ชาญฉลาดเท่านั้น ที่จะใช้สถานการณ์ทั้งขาขึ้นและขาลงของสินค้า ให้เป็นประโยชน์ต่อพอร์ตลงทุน เป็นไปตามกฎของพาเรโต้ 

Back to top button