SET บ่ายแกว่งลบ ติดตามเหตุรุนแรงในตปท.แนะ “ซื้อ” กลุ่มสื่อกำไรโตสูง-บริโภคฟื้นตัว

SET บ่ายแกว่งลบ ติดตามเหตุรุนแรงในตปท. พร้อมให้แนวรับ 1,500-1,510 จุด แนวต้าน 1,520-1,535 จุด โบรกฯ แนะ “ซื้อ” กลุ่มสื่อกำไรโตสูง-การบริโภคฟื้นตัว นำโดย PLANB และ WORK


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงานตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ภาคเช้า (20 ธ.ค.) ปรับตัวลงเช่นเดียวกับตลาดภูมิภาคที่ส่วนใหญ่อยู่ในแดนลบ เหตุหลักจากปัจจัยภายนอกประเทศจากความไม่แน่นอนของหลายๆ อย่างพร้อมให้ติดตามเหตุรุนแรงในต่างประเทศ นอกจากนี้อาจมีแรงขายจากต่างชาติ หลังเงินบาทอ่อนค่าค่อนข้างเร็วเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ บ่ายนี้คาดตลาดฯแกว่งในแดนลบ ในลักษณะซึม พร้อมให้แนวรับ 1,500-1,510 จุด แนวต้าน 1,520-1,535 จุด

 

น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ผันผวนอยู่ในแดนลบ น่าจะเป็นผลจากปัจจัยนอกประเทศมากกว่า จากความไม่แน่นอนหลาย ๆ อย่างทำให้ดัชนีฯปรับตัวขึ้นค่อนข้างจำกัด อย่างไรก็ดีควรติดตามเหตุการณ์ความรุนแรงในต่างประเทศ ที่อาจจะทำให้เกิดความวิตกกังวล ส่งผลให้ดัชนีฯย่อตัวลงได้อีก    

“วันนี้ตลาดเริ่มผันผวนในทางลง มีย่อตัวลง หลัก ๆ เลยคงเป็นปัจจัยภายนอก ของเราไม่น่าจะมีอะไร แม้ว่าพรุ่งนี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แต่มองว่าน่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ให้อยู่ในระดับ 1.5% ซึ่งไม่น่าจะมีผลกระทบ ขณะที่ภายนอกประเทศ ก็ไม่ได้มีอะไรใหม่ จากปัจจัยเด่น ๆ ที่รับรู้ไปหมดแล้ว เพียงแต่ว่ายังมีความไม่แน่นอนของหลาย ๆ อย่างของต่างประเทศ ที่เป็นตัวสร้างความผันผวนให้ตลาด”น.ส.ธีรดา กล่าว

ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนลบ แต่ก็ยังมีบางประเทศที่บวก เช่น ญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย, เกาหลี เป็นต้น ส่วนแนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ ตลาดฯน่าจะยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบ จากที่ยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา พร้อมให้แนวรับ 1,500-1,510 จุด แนวต้าน 1,520 จุด โดยนักลงทุนที่เทรดหุ้นในระยะนี้ ให้เน้นการเข้าซื้อในหุ้นรายตัวเป็นหลัก     

ด้านนายธีรวุฒิ กานต์นิภากุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่จะติดลบ คาดว่าจะเป็นแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติ เนื่องจากปัจจัยลบในตลาดฯไม่ได้มีอะไรชัดเจน จะมีก็เพียงแต่ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าค่อนข้างเร็วเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้นักลงทุนอาจจะปรับพอร์ตการลงทุน อย่างไรก็ดี วอลุ่มเทรดไม่ได้มากนัก ซึ่งนักลงทุนไทย รวมถึงกลุ่ม Prop Trade อาจจะเริ่มชะลอลงทุนกันบ้างแล้วหลังเข้าใกล้ช่วงสิ้นปี

อย่างไรก็ดี มองว่าดัชนีฯจนถึงสิ้นปีนี้ไม่น่าจะหลุดบริเวณ 1,500 จุด เพราะตลาดฯยังได้แรงประคองจากเม็ดเงินของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) แม้ว่าเม็ดเงินใหม่จากองทุนเหล่านี้จะไม่มากเหมือนเมื่อก่อน ส่วนหนึ่งอาจเพราะปีนี้มีการลดหย่อนภาษีอยู่มาก ทำให้พฤติกรรมอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง จากที่มีทางเลือกที่จะใช้ในการลดหย่อนภาษีอยู่หลายทาง ส่วนบ่ายนี้คาดว่าตลาดฯอาจะซึม ๆ แต่หากยืนเหนือระดับ 1,515 จุด ได้ก็น่าจะมีลุ้นรีบาวด์ขึ้นได้ พร้อมให้แนวรับ 1,515-1,505 จุด ส่วนแนวต้าน 1,535 จุด                   

 

บล.ธนชาตระบุในบทวิเคราะห์ (20 ธ.ค.) ว่า SET ภาคเช้าปรับลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในช่วงเช้าที่ผ่านมา ประกอบกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงต่อเนื่อง รวมไปถึงการปรับสูงขึ้นของ Bond Yield อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ Earnings Yield Gap (EYG) หรือ ส่วนต่างระหว่าง Earnings Yield กับ ผลตอบแทนพันธบัตรในประเทศอาย 10 ปี ปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง หรือหมายความว่าความน่าสนใจในการลงทุนหุ้น “ลดลง” เมื่อเทียบกับการลงทุนในพันธบัตรระยะยาวที่ไม่มีความเสี่ยง อย่างพันธบัตรัฐบาล

ในขณะเดียวกัน แนะนำ “ซื้อ” กลุ่มสื่อที่กำไรเติบโตสูง และได้รับผลดีจากการบริโภคฟื้นตัว แม้ SET มีความเสี่ยงมากขึ้นจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า และการเร่งตัวขึ้นของ Bond Yield แต่หุ้นที่ได้รับผลดีจากการบริโภคฟื้นตัว และคาดการณ์กำไรเติบโตแกร่ง อย่าง PLANB (กำไรเติบโต 62-39% ปี 2017-18) และ WORK (กำไรเติบโต 61-49% ปี 2017) มีแนวโน้ม outperform ตลาด

 

สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า

ESSO มูลค่าการซื้อขาย 1,087.96 ล้านบาท ปิดที่  13.20 บาท ลดลง  0.50 บาท 

GL มูลค่าการซื้อขาย   935.13 ล้านบาท ปิดที่  61.25 บาท ลดลง  5.25 บาท       

PTT มูลค่าการซื้อขาย   880.41 ล้านบาท ปิดที่ 361.00 บาท ลดลง  4.00 บาท

STA มูลค่าการซื้อขาย   849.99 ล้านบาท ปิดที่  20.50 บาท ลดลง  1.50 บาท

PTTEP มูลค่าการซื้อขาย   619.38 ล้านบาท ปิดที่  90.25 บาท ลดลง  1.75 บาท

Back to top button