SET เสี่ยงพักฐาน เคาะ 7 หุ้นเด็ด รับเหมาฯเด่นสุด
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบแคบและมีโอกาสอ่อนตัวลง โดยคาดว่ากลุ่มพลังงานจะเป็นตัวกดดันตลาด ขณะที่หุ้นส่วนใหญ่มีสัญญาณเทคนิคในเชิงลบ การลงทุนแนะนำซื้อกลุ่มรับเหมาซึ่งคาดว่าจะได้รับปัจจัยบวกจากความคืบหน้าการเปิดประมูลรถไฟฟ้าทางคู่ 5 เส้นทาง
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.22 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.99 บาทต่อเหรียญ ด้านตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงตามทิศทางของตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดอ่อนแรงลงเมื่อคืน เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังดัชนีดาวโจนส์ปิดลบติดต่อกัน 2 วันทำการก่อนหน้านี้ ขณะเดียวกันตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของราคาน้ำมันดิบด้วย
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบแคบและมีโอกาสอ่อนตัวลง โดยคาดว่ากลุ่มพลังงานจะเป็นตัวกดดันตลาด ขณะที่หุ้นส่วนใหญ่มีสัญญาณเทคนิคในเชิงลบ การลงทุนแนะนำซื้อกลุ่มรับเหมาซึ่งคาดว่าจะได้รับปัจจัยบวกจากความคืบหน้าการเปิดประมูลรถไฟฟ้าทางคู่ 5 เส้นทาง
หุ้นเด่นเลือก TMB-BIG-CK-STEC-UNIQ-SEAFCO และ PYLON
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (22 ธ.ค.) การ Rebound ของ SET “จำกัด” กว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อวานนี้ ประกอบสัญญาณทางเทคนิคตาม TradeCode ของ SET ลดลงมาอยู่ที่ “พักฐาน” เป็นวันแรก โดยมีหุ้นถึง 62% ส่งสัญญาณ “ลบ” ทางเทคนิค (อิงตาม Market Cap) ลดลงจากช่วงกลางเดือนที่มีหุ้นเพียง 15% ที่มีสัญญาณลบทางเทคนิค ขณะที่ในทางกลยุทธ์ มีความกังวลต่อ 1) Fed ส่งสัญญาณบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ และการเร่งตัวของเงินเฟ้อส่งผล Bond yield ปรับสูงขึ้นเร็ว และ Earnings yield gap ของ SET น่าสนใจลงทุน “ลดลง” และ 2) การอ่อนค่าของค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์ฯ สนับสนุนการเร่งไหลออกของกระแสเงินทุน
SET ปรับลดลงต่ำกว่าแนวรับ 1,510 จุด ประกอบกับ Trade Code แสดงให้เห็นว่ากลุ่มหุ้นส่งสัญญาณ “ลบ” ทางเทคนิคเพิ่มขึ้นเป็น 62% ของ Market Cap แนะนำ “ซื้อ” TMB ที่เป็น Top Picks ของกลุ่มธนาคาร ล่าสุดสินเชื่อเดือน พ.ย. เติบโตแกร่งสุดในกลุ่ม +1.3% เทียบจากเดือนก่อน และมองกำไร Bottom-Out ไปแล้วไตรมาส 3/16 ขณะที่ระยะสั้นมีแนวต้านที่ 2.16/2.2
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (22 ธ.ค.) คาด SET เคลื่อนไหวผันผวนในกรอบแคบและมีโอกาสลดลง โดยมีปัจจัยลบจากการลดลงของราคาน้ำมันดิบทำให้หุ้นในกลุ่มพลังงานจะเป็นกลุ่มที่กดตลาด อย่างไรก็ตามคาดว่าดัชนีจะไม่ลดลงมากและคาดว่าดัชนีที่ระดับ 1,500 จุดจะยังแข็งแกร่งพอ ส่วน Fund Flow ต่างชาติที่ไหลออกจากตลาดการเงินไทยในช่วง 2 วันที่ผ่านมาน่าจะชะลอแรงขายลงเนื่องจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ Dollar Index เริ่มลดลงและค่าเงินบาทไม่ได้อ่อนค่ามากขึ้น และดัชนีที่ลดลงในช่วงก่อนหน้าจะช่วยกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อกองทุน LTF และ RMF เพื่อมาใช้ลดหย่อนภาษีกันมากขึ้นและจะเป็นตัวช่วยพยุงตลาดในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้
หุ้นในกลุ่มหุ้น Mid-small caps จะยังเห็นแรงเก็งกำไรเช่นเดียวกับในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยยังเน้นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่า ได้แก่ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (KCE, HANA) กลุ่มผู้ส่งออกอาหาร (TWPC, CPF) และกลุ่มท่องเที่ยว (AOT MINT ERW) และหุ้นที่มีประเด็นเฉพาะตัวอื่นๆ เช่น กลุ่มที่ได้ผลบวกจากมาตรการช้อปปิ้งช่วยชาติ (KTC ROBINS CPALL BIG JMART SPA)
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective buy
หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : BIG (ซื้อ/เป้าใหม่ 7 บาทเดิม 5.8) 1) Valuation ยังซื้อขายต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม 2) ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิปีหน้าขึ้น 10% หนุนกำไรสุทธิปีหน้าเติบโต 40% จากปีก่อน และ 3)ถูกเข้าคำนวณใน SET100 รอบใหม่
บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (22 ธ.ค.) รายงานของ IFF เผยเงินทุนไหลออกจากตลาดเกิดใหม่ในช่วงหลังการเลือกตั้งสหรัฐกว่า 2 หมื่น M.USD. ยังเป็นปัจจัยลบกดดันการลงทุนในตลาดแถบ TIP ขณะที่วานนี้ กนง. มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.5 % และคาด GDP ไทยปี 60 เติบโตที่ระดับ 3.2 % โดยยังได้แรงหนุนจากการลงทุนภาครัฐเป็นหลัก
กลยุทธ์การลงทุน ประเมินดัชนี SET ในช่วงท้ายปียังทรงตัวที่ระดับ 1,500 – 1,520 จุด ให้น้ำหนักเพียงการเก็งกำไรระยะสั้น เพื่อรอประเมินทิศทาง Fund Flow ต่างชาติอีกครั้งในช่วงต้นปีหน้า แนะนำซื้อลงทุนหุ้นกลุ่มรับเหมา CK, STEC, UNIQ, SEAFCO และ PYLON คาดได้รับปัจจัยบวกความคืบหน้าการเปิดประมูลรถไฟฟ้าทางคู่ 5 เส้นทางใน มี.ค. 60