JMT ลุยซื้อหนี้เพิ่มจาก AEONTS ดันพอร์ตบริหารหนี้เฉียดเข้าเป้า 1.1 แสนลบ.
JMT ลุยซื้อหนี้เพิ่มจาก AEONTS ดันพอร์ตบริหารหนี้เฉียดเข้าเป้า 1.1 แสนลบ.
นายปิยะ พงษ์อัชฌา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT ประกาศข่าวดีลงนามในสัญญาซื้อหนี้ด้อยคุณภาพของสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลกับ บมจ.อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) (AEONTS)
โดยสัญญามีมูลค่าหนี้คงค้างตามสิทธิ 6,645 ล้านบาท เข้าใกล้เป้าหมายทั้งปีจะมีพอร์ตบริหารหนี้แตะ 1.1 แสนล้านบาทแล้ว ทั้งนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างซื้อหนี้เข้ามาบริหารเพิ่มอย่างต่อเนื่องอีก หากขั้นตอนการทำเอกสารแล้วเสร็จทันในปีนี้จะประกาศแจ้งให้นักลงทุนทราบในลำดับถัดไป
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในระบบมีตัวเลขที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ตามข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย สัดส่วนหนี้ NPL ต่อสินเชื่อรวมในไตรมาส 3/2559 อยู่ที่ 2.89% นับเป็นยอดสูงสุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา สอดคล้องกับสถาบันการเงินต่างๆ ที่มีการขายหนี้ออกมาอย่างต่อเนื่อง เป็นโอกาสของ JMT ให้เข้าไปประมูลซื้อหนี้เพิ่ม เนื่องจากสถาบันการเงินเหล่านี้ต้องการบริษัทฯ ที่มีคุณภาพและมาตรฐานในการเข้ามาดำเนินการ ที่สำคัญคือต้องมีเงินทุนเพียงพอที่จะเข้าไปซื้อหนี้ด้อยคุณภาพก้อนใหญ่ ส่งผลให้ปัจจุบัน JMT ครองมาร์เก็ตแชร์เบอร์หนึ่งในธุรกิจอย่างต่อเนื่องได้ และแม้ในสภาวะ ที่เศรษฐกิจที่ยังมีความเปราะบางอยู่ JMT ก็สามารถจัดเก็บหนี้จากลูกค้าได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ด้วยกลยุทธ์และการบริหาร จัดการที่ดี จึงมั่นใจว่าทิศทางธุรกิจของ JMT ในช่วงต่อจากนี้จะเติบโตตามแผนงานที่วางไว้ได้
“JMT มีพอร์ตบริหารหนี้ทะลุ 1 แสนล้านบาทเรียบร้อยแล้ว และเฉียดเป้าหมายทั้งปีที่วางไว้ โดยตั้งเป้าจะซื้อหนี้ด้อยคุณภาพมาบริหารเพิ่มในปีนี้อีก 2 หมื่นล้านบาท หรือมีพอร์ตบริหารหนี้ทั้งปี 2559 แตะ 1.1 แสนล้านบาท ขณะที่ปัจจุบันยังมีสถาบันการเงินที่อยู่ระหว่างรอทำสัญญากับบริษัทฯ เพิ่มอีก และหนี้ด้อยคุณภาพส่วนใหญ่ที่ซื้อมามีคุณภาพมากขึ้น จึงมั่นใจจะส่ง ผลดีต่อบริษัทฯ ให้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในระยะยาว และด้วยภาพรวมธุรกิจบริหารหนี้มีแนวโน้มเติบโตสูง ทำให้ก่อนหน้านี้ บริษัทฯ ลดสัดส่วนการถือหุ้นใน บริษัทเจ ฟินเทคฯ (เดิมชื่อ บ.เจเอ็มที พลัสฯ) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ทำธุรกิจสินเชื่อลงเหลือ 9.1% จากเดิมที่ถือ 100% ให้แก่บริษัทแม่ JMART ทำให้ภาระการจัดหาเงินทุนและสำรองหนี้เบาตัวไปมาก และสามารถโฟกัส เฉพาะธุรกิจ บริหารหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น”นายปิยะกล่าว
ขณะที่บทวิเคราะห์ บล.เอเซียพลัส ระบุว่า JMT พอร์ตบริหารลูกหนี้ที่ขึ้นทะลุหลัก 1 แสนล้านบาทไปแล้วจากการซื้อหนี้เข้ามาบริหารอย่างต่อเนื่องภายใต้เป้าหมาย 2 หมื่นล้านบาทในปี 59 และอีก 3 หมื่นล้านบาทในปี 60 ซึ่งจะทยอยสร้างรายได้เข้ามาต่อเนื่อง ภายใต้ปัจจัย แวดล้อมที่เอื้ออำนวยขึ้นในปีหน้า จากมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ทำให้สถานการณ์ติดตามและเรียกเก็บหนี้ราบรื่นขึ้น
ภาพรวม NPL ของสถาบันการเงินที่เชื่อว่าจะยังเพิ่มขึ้นและทำพีคในช่วงกลางปี 60 ทำให้มีพอร์ตลูกหนี้ให้เลือกซื้ออีกมาก และความได้เปรียบที่เกิดขึ้น ภายหลังจากการลดสัดส่วนเงินลงทุนใน บ.เจ ฟินเทคฯ ทำให้สัดส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยจ่ายต่อทุนลดลงต่ำกว่า 1 เท่า ณ สิ้นปี 59 เพิ่มกำลังความพร้อมให้บริษัทฯ ในการประมูล ซื้อหนี้เข้ามาบริหารได้อีกมาก
แนะนำซื้อ พร้อมปรับเพิ่ม Fair value ปี 60 เป็น 30 บาท (เดิม 20.75 บาท) โดยปรับ target PBV กลับขึ้นไปที่ระดับ 6 เท่า (เดิม 4.29 เท่า) เท่ากับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี