โรงไฟฟ้ากัลฟ์ฯหลุดบ่วงขี่พายุ ทะลุฟ้า
โล่งอกแทนนายกฯตู่จริงๆ!
ชาญชัย สงวนวงค์
โล่งอกแทนนายกฯตู่จริงๆ!
เพราะกำหนดเดิม จะมีงานใหญ่รับมอบรถเมล์ NGV 489 คันที่ทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 21 ธ.ค.ที่ผ่านมานี้
แต่ดันเกิดเรื่องเบสท์รินย้อมแมว สำแดงเท็จแหล่งกำเนิดรถทั้งคันเพื่อหลบภาษีขึ้นมาเสียก่อน งานช้างวันที่ 21 ธ.ค.จึงมีอันต้องล้มไปโดยปริยาย
ซึ่งหากฝีไม่แตกขึ้นมาเสียก่อน ก็คงดูไม่จืด เสียหายยับเยินกันทุกฝ่ายเป็นแน่
ช่วงคสช.เข้ามาใหม่ๆ เมื่อปี 2557 ก็มีกรณีระทึกใจทางธุรกิจกรณีหนึ่ง
นั่นก็คือการพิจารณาทบทวนสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 5,000 เมกะวัตต์ตามแผน PDP ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 3 ของกลุ่มกัลฟ์ฯกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ
ซึ่งสัญญาขายไฟ เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์
ความระทึกใจก็อยู่ตรงที่ว่า กลุ่มกัลฟ์ เป็นการผนึกกำลังร่วมระหว่างกลุ่มธุรกิจไทยกับกลุ่มมิตซุยประเทศญี่ปุ่น
หากมีการยกเลิกสัญญาโดยไม่สมเหตุสมผล ย่อมกระทบกระเทือนต่อบรรยากาศลงทุนและสูญเสียความเชื่อมั่นในสายตาต่างชาติเป็นแน่
คสช.ได้มอบหมายคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐหรือคตร.ซึ่งเป็นองค์กรพิเศษจัดตั้งขึ้นตามคำสั่งคสช.
ให้ตรวจสอบการประมูล เนื่องจากได้รับการร้องเรียนเรื่องความไม่โปร่งใส
คตร.ได้มอบหมายให้กระทรวงพลังงาน และคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เข้าร่วมตรวจสอบด้วย
ตรวจสอบกันอีท่าไหนไม่ทราบ ยังไม่ทันจะมีผลสอบออกมากระทรวงพลังงานดันทำหนังสือไปถึงสำนักงานบีโอไอให้ระงับการส่งเสริมลงทุนกับกลุ่มกัลฟ์ฯ
นอกจากนั้น จากกระแสข่าวการตรวจสอบที่หลุดออกไปภายนอกทำให้สถาบันการเงินที่เตรียมปล่อยกู้โครงการ หยุดพิจารณาสินเชื่อ เนื่องจากเกิดความรวนเร ไม่ทราบสถานะของโครงการ
กลุ่มกัลฟ์นำเรื่องไปฟ้องร้องศาลปกครองกลาง ศาลฯพิจารณาว่ากระทรวงพลังงานทำเกินหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมายจากคตร. และควรจะตรวจสอบเป็นการภายใน
ไม่ใช่ล้ำแดนออกไปสู่ภายนอกองค์กรฝ่ายปกครอง อีกทั้งยังเป็นการตรวจสอบโดยปราศจากความระมัดระวัง ทำให้ธนาคารชะลอพิจารณาเงินกู้
ส่วนข้ออ้างของกกพ.กระทรวงพลังงาน และคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯที่ตั้งขึ้นว่า คณะอนุกรรมการจัดหากำลังผลิตไฟฟ้าชุดเดิมหรือ BMC ปฏิบัติงานคลาดเคลื่อนไปจากแผน PDP
ไม่ปฏิบัติตามระเบียบคณะกรรมการกกพ.และไม่เป็นไปตามเอกสารข้อกำหนดในการเสนอราคา
ศาลปกครองกลางฯพิจารณาเห็นว่า ไม่ปรากฏพยานหลักฐานว่าคณะอนุกรรมการ BMC ชุดเดิม หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องผู้ใดมีส่วนร่วมกระทำความผิดใดๆ ตามที่อ้าง
การทำงานของคณะเจรจาไกล่เกลี่ยฯที่กระทรวงพลังงานตั้งขึ้น ให้ยกเลิกการขายไฟฟ้า 1 สัญญา จำนวน 2,500 เมกกะวัตต์ ศาลฯก็เห็นว่าคณะเจรจาฯไม่ใช่คู่สัญญาที่แท้จริงและไม่มีอำนาจหน้าที่
สรุปศาลปกครองกลาง สั่งห้ามกระทรวงพลังงานดำเนินการตรวจสอบหรือกระทำการใดอันก่อความเสียหายแก่กลุ่มร่วมทุนกัลฟ์ฯ และให้กระทรวงฯแจ้งยกเลิกหนังสือที่ส่งไปให้บีโอไอ
ผู้ถูกฟ้องคดีนี้ ยังสามารถอุทธรณ์ไปยังศาลปกครองสูงสุดได้ แต่อย่างน้อยความเป็นจริงก็ปรากฏออกมาในระดับหนึ่ง ท่ามกลางบ้านเมืองยุคอำนาจนิยม