เหงาหงอยโมนิก้าและทีมงาน
*ดูเหมือนความขัดแย้งของผู้บริหารในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเป็นข่าวที่ทำให้ผู้คนในวงการเกิดอาการหูผึ่งกันเป็นแถบ พร้อมกับแสดงตัวตนขอเผือกเรื่องดังกล่าวอย่างเต็มที่นั้น “โมนิก้า” ถือเป็นเหตุการณ์ปกติที่เกิดขึ้นเป็นประจำ เพียงแต่ผู้คนจะให้น้ำหนักในเรื่องไหนมากกว่ากัน น่าจะขึ้นอยู่กับการได้เสียของหุ้นเกี่ยวกับคนวงกว้างขนาดไหน? และแต่ละฝั่งออกมาสาวไส้กันมันหยดหรือเปล่า?...อิอิอิ
*ดูเหมือนความขัดแย้งของผู้บริหารในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเป็นข่าวที่ทำให้ผู้คนในวงการเกิดอาการหูผึ่งกันเป็นแถบ พร้อมกับแสดงตัวตนขอเผือกเรื่องดังกล่าวอย่างเต็มที่นั้น “โมนิก้า” ถือเป็นเหตุการณ์ปกติที่เกิดขึ้นเป็นประจำ เพียงแต่ผู้คนจะให้น้ำหนักในเรื่องไหนมากกว่ากัน น่าจะขึ้นอยู่กับการได้เสียของหุ้นเกี่ยวกับคนวงกว้างขนาดไหน? และแต่ละฝั่งออกมาสาวไส้กันมันหยดหรือเปล่า?…อิอิอิ
*บวกกับบุคลิกของน้องโมชอบแส่ไปหมดทุกเรื่อง ชาวบ้านร้านช่องเลยรับรู้เรื่องฉาวๆ ของตลาดหุ้นกันอย่างเพลิดเพลินเจริญใจ ซึ่งบางเรื่องก็เป็นข่าวที่พูดลอยๆ แต่บางข่าวก็เป็นเรื่องจริงที่ไม่สามารถเปิดเผยตัวตนได้ ทั้งหลายทั้งมวลก็แค่ต้องการให้แฟนคลับได้นำข้อมูลดังกล่าวไปคิดต่ออีกหนึ่งทอด เพื่อทำให้นักเล่นขาประจำได้รู้จักแยกแยะข่าวสารที่เกิดขึ้นไงล่ะค่ะ
*ด้วยเหตุนี้ “โมนิก้า” ถึงไม่สนใจใครจะบ่นเป็นตัวป่วนจอมกวน เพราะตอนนี้มันเข้าไปในกระแสเลือดเป็นที่เรียบร้อย แถมทุกเรื่องที่เม้าท์ตั้งแต่ต้นปียันปลายปีก็เป็นข่าวที่ทำให้สังคมเกิดการตื่นตัวในหลากหลายรูปแบบ เดี๊ยนถึงกล้าเดินชนหมดทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตลาดหุ้น หลังรู้ซึ้งในสัจธรรมของการลงทุนในวันนี้มันเป็นแบบ “มันนี่เกม” นะจะบอกให้
*ดูได้จากการทะยานขึ้นของดัชนีมาปิดที่ 1,515.23 จุด บวกไป 5.25 จุด ด้วยมูลค่า 2.35 หมื่นล้านบาท มันเป็นบรรยากาศการลงทุนที่หงอยเหงาในรอบ 1 ปีเต็มๆ เพราะเมื่อย้อนกลับไปดูเหตุการณ์เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 58 วันนั้นมีมูลค่าการซื้อขายแค่ 1.65 หมื่นล้านบาท ซึ่งหมายความว่า ปีนี้ดีกว่าปีก่อนค่อนข้างเยอะ และสามารถเคาะขวารัวๆ ได้เหมือนเดิมเจ้าค่ะ
*ยกเว้นในรายของ IFEC ซึ่งกำลังเกิดสงครามข่าวอย่างหนักหน่วง เพื่อห่ำหั่นฝ่ายตรงข้ามให้แหลกราญไม่มีชิ้นดีแบบนี้ “โมนิก้า” ขอพุ่งเป้าไปที่คนต้นเหตุอย่าง “หมอวิชัย” กับ “เฮียสิทธิชัย” โดยในช่วงที่รักใคร่กลมเกลียวก็ยังชมว่า “น้ำต้มผักหวาน” พอความรักเริ่มจืดจางลงก็บ่นว่า “น้ำตาลขม” ล่าสุดมีการออกมาแฉฝ่ายหลังนั่งเป็นจระเข้ขวางคลองในบริษัทลูกอีก 40 กว่าแห่งแบบนี้ (ไม่ยอมเซ็นเอกสารอะไรเลย)…ต้องการอะไรมิทราบ?
*ล่าสุดดูเหมือนว่า ในโลกออนไลน์มีการส่งข้อมูลออกมาเป็นทอดๆ คุณหมอประกาศกลางที่ประชุมพนักงานบริษัทว่า ขอตรวจสอบความผิดปกติของธุรกิจขนม “มาการอง” หลังมีคนใกล้ตัว “เฮียสิทธิชัย” เข้าไปพัวพันกับการหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง “โมนิก้า” มองเป็นหนังเรื่องยาวที่ต้องใช้สติมากเป็นพิเศษ เพราะดีลซื้อโรงแรม “ดาราเทวี” มันส่งกลิ่นตุๆ มาตั้งแต่เริ่ม จึงไม่แปลกใจที่ทั้ง 2 ฝั่งสาดโคลนใส่กันอุตลุดพะยะค่ะ
*เช่นเดียวกับข่าวฉาวที่เกิดกับหุ้น KC แมงลือเม้าท์กันอย่างสนุกสนานว่า ที่แท้กลุ่มคนที่เข้ามาพัวพันกับดีลสกปรก ล้วนเป็นกลุ่มก้อนที่แตกกระสานซ่านเซ็นมาจากก๊วนอาจารย์เปรต ซึ่งคนในกลุ่มนี้นิยมใช้วิธี “โยกเงิน โยกหุ้น โยกสินทรัพย์” ไปไว้ที่ตัวกลางซึ่งจดทะเบียนในต่างประเทศ ต่อจากนั้นก็ใช้วิธีทางกฎหมายบังคับเอาของออกไปอย่างเนียนๆ ไงล่ะค่ะ
*ไม่เพียงเท่านี้! ยังมีผู้รู้จากต่างประเทศกริ๊งกร๊างมาเล่าให้ “โมนิก้า” ฟังอย่างจุใจว่า ตั๋วบีอีเจ้าปัญหาที่เกิดขึ้นในเที่ยวนี้ ต้องมีคนโดนสำนักงาน ก.ล.ต. ลงแส้อย่างแน่นอน และในที่นี้ก็มีเป้าหมายอยู่ที่ 1.ผู้บริหาร เพราะรู้อยู่แก่ใจว่า มีปัญญาหาเงินมาใช้หนี้ไหม? 2.บลจ.โซลาริส เพราะแค่มองดูก็รู้แล้วว่า ดีลนี้เสี่ยงขนาดไหน? (ว่ากันว่า ไปเร่ขายตั๋วพักใหญ่ๆ) และ 3.หุ่นเชิดบังหน้า ซึ่งจะโผล่มาในตอนท้ายๆ ใกล้จบเรื่อง เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับติดตามดูให้ดีนะคะ
*เหมือนกรณีของหุ้น AU ค่อยๆ เผยธาตุแท้ให้คนวงนอกรับรู้กันอย่างช้าๆ มันช่างเป็นเกมที่บาดใจคนในวงการตลาดหุ้นดีเหลือเกิน ซึ่งทำให้ทุกคนเข้าใจกันเป็นอย่างดีการเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองมันง่ายแค่ปลายนิ้วสัมผัสเบาๆ แถมตัวเลขวันก่อนมันฟ้องว่า ผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 รายขายหุ้นของตัวเองออกไป 50 ล้านหุ้น “โมนิก้า” ถึงมองเป็นเกมที่นักเล่นต้องอ่านให้ขาดตั้งแต่เนิ่นๆ นะจะบอกให้
*เนื่องจากพิมพ์เขียวในการหาเงินใส่กระเป๋าให้เจ้าของบริษัท มันต้องใช้บริการของ บล.บัวหลวง ภายใต้การคุมบังเหียนของ “พิเชษฐ” ซึ่งเคยทำดีลให้กับ BA ก็เคยใช้โมเดลลักษณะนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่เห็นหุ้นขึ้นแรงวันแรก พอวันที่สองทำท่าจะขึ้นไปอีกเรื่อยๆ ก็โดนเทขายไม่มีชิ้นดี จนรูดลงมากองอยู่ที่ 13 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 3.70% ด้วยมูลค่า 4.64 พันล้านบาท บอกได้ทันทีว่า สมน้ำหน้า…อุ๊ย…สมควรแล้ว เพราะหุ้นที่มาด้วยเกมหุ้น ก็ต้องพังพาบด้วยเกมหุ้นในไม่ช้านะคะ
*เหมือนกับในรายของ AJ กระชากขึ้นมายืนอยู่ที่ 12.30 บาท บวกไป 2.30 บาท หรือขึ้นไป 23% ด้วยมูลค่า 540 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเกมโหดที่เล่นกันบนความเชื่อแบบสุดโต่ง มันเป็นเรื่องที่น่ากังวลไม่ใช่น้อย แถมเป็นการซื้อขายบนค่า P/E 415 เท่า มันเป็นความเสี่ยงที่ผู้เล่นต้องแบกรับด้วยความเต็มใจ ด้วยเหตุนี้ถึงทำให้ตลาดฯ จับขึ้นบัญชีซื้อขายเงินสดได้สบายๆ เจ้าค่ะ