เปิดสถิติ 5 ปี Window Dressingชู 6 หุ้นตัวท็อป! เป้าหมายกองทุน

“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลดัชนีย้อนหลังของวันปิดสิ้นงวดในช่วงไตรมาส 4 สิ้นสุดวันที่ 30 ธ.ค.59 นับตั้งแต่ปี 55-59 ในระยะเวลาก่อนปิดงวดไตรมาส 1 วัน ,7 วัน และ 15 วัน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คาดว่าจะมีการทำ Window Dressing เกิดขึ้น ทั้งนี้เพื่อให้นักลงทุนได้เห็นภาพชัดเจนได้ขึ้นว่าปรากฏการณ์นี้จะมีโอกาสเกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าวมากน้อยแค่ไหน

ตารางแสดงการเปลี่ยนแปลงของดัชนี ช่วงที่คาดการณ์ว่าจะเกิด Window Dressing

ทั้งนี้จะเห็นว่าการเข้าลงทุนในช่วง 1 วัน , 7 วัน และ 15 วันก่อนเกิด Window Dressing นั้นให้ผลตอบแทนไม่คุ้มค่า เพราะจากสถิติที่ผ่านมา 5 ปี เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้ส่งผลให้ดัชนีปรับตัวสูงขึ้นเท่าที่ควร อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์หลายบริษัทหลักทรัพย์ต่างคาดการณ์เป็นเสียงเดียวกันว่าระยะสัปดาห์นี้ยังมีโอกาสที่จะเกิดปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น

 

ด้าน บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ ว่าคาดหวังนักลงทุนสถาบันจะเข้าซื้อหุ้นเพื่อทำ Window Dressing ในช่วงปลายปีโดยมีหุ้นในกลุ่ม Big cap และ Mid cap ที่ราคาหุ้นยัง Underperform ตลาดจะเป็นเป้าหมายในการทำราคาปิด อาทิ BLA ,BDMS ,MINT ,INTUCH รวมไปถึงหุ้นที่กองทุนถือครองเป็นจำนวนมากและมักจะทำ Window ในช่วงปลายไตรมาสอาทิ BJC และ EA

ขณะเดียวกัน บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)ระบุในบทวิเคราะห์ โดยมองว่าแรงซื้อหุ้นปิดงวดบัญชีไตรมาส 4/2559 น่าจะมีต่อในช่วง 3 วันทำการที่เหลือของปี 2559 เนื่องจากแนวโน้ม SET น่าจะยืนได้ค่อนข้างแน่นอนแล้วสำหรับสัปดาห์นี้ ขณะที่ข้อมูลจาก Morningstar Thailand ชี้ว่ากองทุนรวมจำนวนไม่น้อยมีผลการดำเนินงานต่ำกว่าดัชนีฯ ส่งผลให้มีแรงกระตุ้นให้ต้องทำราคาปิดงวดพอสมควร ทั้งนี้ในเดือนนี้ สถาบันเพิ่งซื้อสุทธิไป 3.75 พันล้านบาท ถือว่าต่ำมากเทียบกับค่าเฉลี่ยเดือน ธ.ค. ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท ด้านปัจจัยภายนอก ตลาดหุ้นหลักเปิดทำการหลังหยุดเทศกาลคริสต์มาส ซื้อขายในกรอบแคบๆ ขณะที่ตลาดน้ำมันรีบาวด์เล็กน้อย หลังตลาดมองว่าการเริ่มลดปริมาณผลิตของทั้งกลุ่มโอเปกและนอกโอเปกนั้นใกล้เข้ามาแล้ว

 

*อนึ่ง Windows dressing คือการดันราคาหุ้นปิดให้สูงขึ้น เพื่อทำให้ราคาหุ้นในพอร์ทมีมูลค่าสูงขึ้น และเมื่อมีการปิดไตรมาสจะนำตัวเลขมูลค่าที่เพิ่มขึ้นนั้นมาบุ๊คบัญชี ส่งผลต่อเงินลงทุนมีมูลค่าสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม Windows dressing นั้น จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ และจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำ แต่ส่วนใหญ่แล้วหากดัชนีมีการปรับตัวขึ้นสูงมากแล้วมักจะไม่เกิดปรากฏการณ์นี้ขึ้น