TACC เติบโตที่แข็งแกร่ง

สถานการณ์ของ TACC ยังคงเติบโตต่อเนื่อง ด้วยเครื่องดื่มจากเครื่อง Cold Dispenser ที่จะโตตามการเติบโตของ 7-11 ตามแผน รวมถึงการขยายตัวของตู้กาแฟเย็นลาเต้ที่เพิ่มจุดจำหน่ายเป็น 5,000 แห่งเมื่อต้นปี ณ ตอนนี้มี 6,500 แห่ง ตามเป้าหมาย สำหรับมุมกาแฟสด (All Caf?) ซึ่งมีการเติบโตสูงมาก คาดสิ้นปีปิดที่ 3,500-3,700 สาขา (จากต้นปีที่มีประมาณ 2,000 สาขา)


–คุณค่าบริษัท–

 

สถานการณ์ของ บริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TACC ยังคงเติบโตต่อเนื่อง ด้วยเครื่องดื่มจากเครื่อง Cold Dispenser ที่จะโตตามการเติบโตของ 7-11 ตามแผน รวมถึงการขยายตัวของตู้กาแฟเย็นลาเต้ที่เพิ่มจุดจำหน่ายเป็น 5,000 แห่งเมื่อต้นปี ณ ตอนนี้มี 6,500 แห่ง ตามเป้าหมาย สำหรับมุมกาแฟสด (All Caf?) ซึ่งมีการเติบโตสูงมาก คาดสิ้นปีปิดที่ 3,500-3,700 สาขา (จากต้นปีที่มีประมาณ 2,000 สาขา)

ส่วนปีหน้าแผนการขยายจะเป็นการเติบโตเชิงรุกต่อเนื่อง โดยคาด ณ สิ้นปี 2560 สาขาของ All Caf? จะเติบโตเป็น 4,500 สาขา นอกจากนั้นยังมีโอกาสที่จะขยายไปผลิตภัณฑ์ใหม่ใน All Caf? ในกลุ่มของผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพซึ่งจะสร้างรายได้ต่อยอดเพิ่มเติมจากสาขาที่เพิ่มขึ้น

ทางด้านการติดตั้งตู้กดร้อนปี 2559 อาจจะพลาดเป้าจาก 500 เครื่อง ซึ่งคาดว่าจะมียอดติดตั้ง ณ สิ้นปีที่ราว 420-450 เครื่อง โดยประเมินยอดตู้กดร้อน ณ สิ้นปี 2560 ที่ 750 เครื่อง แต่จะเน้นไปที่การติดตั้งในส่วนที่เป็นร้านสะดวกซื้อมากขึ้น จากปัจจุบันกว่า 90% อยู่ใน 7-11 ปั๊มน้ำมัน ซึ่งตั้งคู่กับตู้กดร้อนแบบดั้งเดิม (เฉลี่ย 10 แก้วต่อร้านต่อวัน) โดยปีหน้าคาดสัดส่วนของตู้กดร้อนในร้านสะดวกซื้อ (เฉลี่ย 30-35 แก้วต่อร้านต่อวัน) จะเพิ่มขึ้นเป็น 50% ซึ่งจะช่วยหนุนยอดขายในส่วนนี้ให้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ

นอกจากนี้ โดนัทญี่ปุ่น กระแสตอบรับค่อนข้างดีมีการจัดโปรโมชั่นควบคู่กับเครื่องดื่มตู้กดเย็น (ผลิตเต็มกำลังในช่วงแรกที่ออกวางตลาด 50k ชิ้นต่อวัน จากยอดสั่งซื้อที่เข้ามาเกินราว 100k ชิ้นต่อวัน) คาดจะมีสินค้ารสชาติใหม่เพิ่มเติมออกมาอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีแรกของปีหน้า หนุนรายได้ทั้งโดนัทและตู้กดเย็นให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปคู่กัน สำหรับสินค้า Sanrio ปี 2560 คาดจะมีการต่ออายุสัญญาของสินค้าบางชิ้นที่ขายได้ค่อนข้างดี อย่างเช่น สินค้าในกลุ่มเครื่องเขียนและเครื่องสำอาง ทำให้กำไรจากธุรกิจนี้จะปรับตัวดีได้มากขึ้น

สิ่งสำคัญยอดขายในตลาดต่างประเทศเติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะชาเขียว Zenya มองว่ายอดขายในไตรมาส 4 ปี 59 จะเติบโตได้ดีจากการออกโปรโมชั่นลุ้นรับโชคดื่มฟรี และในปีหน้าอาจจะมีโอกาสออกสินค้าใหม่เพิ่มเติมช่วงต้นปี เนื่องจากมีฐานตลาดที่แข็งแกร่งและมี Distributor ที่สามารถต่อยอดได้จากธุรกิจชาเขียว นอกจากนั้นปีหน้ายังคาดจะเห็นรายได้ในประเทศจีนเพิ่มขึ้น จากการขายน้ำทุเรียนและน้ำมะม่วงซึ่งจะเริ่มส่งของล็อตแรกในไตรมาส 1 ปี 60 ประเมินรายได้ไว้ที่ 10-15 ล้านบาทในปีแรก

ปรากฏการณ์ดังกล่าวทำให้บริษัทเติบโตในอนาคต ทั้งในส่วนของธุรกิจเดิม และธุรกิจใหม่อย่างแน่นอน

ดั่งผลการดำเนินงานไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2559 บริษัทมีรายได้รวมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 292.95 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 248.09 ล้านบาท เป็นผลจากรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 22.19 ล้านบาท หรือ 0.04 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 15.33 ล้านบาท หรือ 0.04 บาทต่อหุ้น

ขณะที่ผลการดำเนินงานงวดเก้าเดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2559 บริษัทมีรายได้รวมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 73.19 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 745.42 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 73.19 ล้านบาท หรือ 0.12 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 54.29 ล้านบาท หรือ 0.21 บาทต่อหุ้น แสดงให้เห็นว่าบริษัทมีความสามารถในการทำกำไร

ในขณะที่นักวิเคราะห์ บล.บัวหลวง เชื่อว่าแนวโน้มกำไรจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต จึงหาจังหวะเข้าทยอยสะสมจากปัจจัยพื้นฐานการเติบโตที่แข็งแกร่ง ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 12.30 บาทต่อหุ้น

 

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

1. นายชัชชวี วัฒนสุข 178,895,143 หุ้น 29.42%

2. นายทนุธรรม เกียรติไพบูลย์ 91,273,143 หุ้น 15.01%

3. นายชนิต สุวรรณพรินทร์ 26,888,572 หุ้น 4.42%

4. นายณัฐจักร์ เลียงชเยศ 17,712,071 หุ้น 2.91%

5. นายชนะพันธุ์ พิริยะพันธุ์ 17,261,800 หุ้น 2.84%

 

รายชื่อกรรมการ

1.พล.ร.อ. อภิชาติ เพ็งศรีทอง ประธานกรรมการ

2.พล.ร.อ. อภิชาติ เพ็งศรีทอง กรรมการอิสระ

3.นาย ชนิต สุวรรณพรินทร์ กรรมการผู้จัดการ

4.นาย ชนิต สุวรรณพรินทร์ กรรมการ

5.นาย ชัชชวี วัฒนสุข กรรมการ

Back to top button