พาราสาวะถี อรชุน
ปีไก่ขันมาได้แค่ไม่กี่วัน ก็มีประเด็นร้อนให้ต้องพูดถึงกันทันที อันเนื่องมาจากการให้สัมภาษณ์ของ สุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสนช.คนที่ 1 ที่บอกว่า โรดแมปการเลือกตั้งจะต้องขยับออกไปถึงกลางปี 2561 โดยอ้างเรื่องของเงื่อนเวลาในการพิจารณากฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่จะต้องใช้เวลา ทำให้ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้ภายในปีนี้อย่างแน่นอน
ปีไก่ขันมาได้แค่ไม่กี่วัน ก็มีประเด็นร้อนให้ต้องพูดถึงกันทันที อันเนื่องมาจากการให้สัมภาษณ์ของ สุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสนช.คนที่ 1 ที่บอกว่า โรดแมปการเลือกตั้งจะต้องขยับออกไปถึงกลางปี 2561 โดยอ้างเรื่องของเงื่อนเวลาในการพิจารณากฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่จะต้องใช้เวลา ทำให้ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้ภายในปีนี้อย่างแน่นอน
พออ้างเรื่องกระบวนการพิจารณากฎหมายที่จะล่าช้า เลยมีคนยกเอาการแก้กฎหมายคณะสงฆ์ที่ใช้เวลาพิจารณาไม่ถึง 1 ชั่วโมงแล้วยกมือผ่าน 3 วาระรวดมาเป็นอุทาหรณ์ หากสนช.ทำกันแบบนี้มีหรือที่จะไม่ทัน ดังนั้น อย่ามาอ้างเรื่องของ มีกฎหมายที่รอการพิจารณาจำนวนมาก เพราะจะช้าหรือเร็วมันอยู่ที่สนช.ว่าต้องการจะให้เป็นแบบไหน
เมื่อมีเรื่องร้อนขนาดนี้ แต่เนื่องจากติดวันหยุดยาวเราจึงยังไม่ได้ยินเสียงของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกมายืนยันประเด็นดังว่า ซึ่งในการแถลงหลังประชุมครม.วันนี้คงมีคำพูดหลุดออกมาจากปากของท่านผู้นำ แต่ก็ไม่แน่เพราะหลายครั้งที่ถูกนักข่าวถามเรื่องโรดแมป บิ๊กตู่มักจะอารมณ์เสีย ตวาดลั่นมากกว่าจะชี้แจงอย่างเป็นเหตุเป็นผล
ดังนั้น เราจึงได้ฟังคำตอบมาจากบรรดาโฆษกที่เกี่ยวข้องแทน ไม่ว่าจะจากฟากฝั่งของรัฐบาลหรือคสช. ที่ต่างประสานเสียงยืนยันในทำนองเดียวกันว่า ทุกอย่างยังเป็นไปตามโรดแมปที่คสช.ได้กำหนดไว้ ความจริงจะว่าไปแล้ว มันคือสัญญาประชาคมและสัญญา(สห)ประชาชาติ ที่บิ๊กตู่ดันไปเผลอหลุดปากพูดในคราวไปร่วมประชุมสมัชชายูเอ็นเมื่อปี 2558 ว่าประเทศไทยจะมีเลือกตั้งภายในปีนี้
เมื่อเป็นเช่นนั้น มันจึงถูกจับตามองกันอย่างใกล้ชิดจากนานาชาติว่าผู้นำจากการรัฐประหารของไทยแลนด์จะทำตามสัญญาหรือไม่ ขณะที่เวลาเริ่มงวดเข้ามาถ้าทำไม่ได้ ก็เท่ากับเป็นการผิดคำพูดและนั่นจะกระทบต่อความเชื่อถือที่มีต่อรัฐบาลคสช. ซึ่งความจริงก็มีความเชื่อถือกันน้อยอยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้มันจึงมีการโยนหินถามทางเกิดขึ้น
ภาระดังกล่าวจึงตกไปเป็นของบรรดาผู้คนในแม่น้ำ 5 สาย เพื่อให้ช่วยหาเหตุและหาคำอธิบายหากจะต้องมีการเลื่อนโรดแมปผิดคำสัญญา ประเภทที่อธิบายว่าคงไม่เป็นปัญหาสำหรับท่าทีของนานาชาติ โดยยกเหตุของการเลื่อนมาแล้วหนหนึ่งจากคราวที่สปช.ล้มกระดานร่างรัฐธรรมนูญฉบับ บวรศักดิ์ อุวรรณโณ นั่นมันคนละเรื่อง
หนนั้นมันตั้งใจจะล้ม แต่คราวนี้ร่างรัฐธรรมนูญก็ผ่านการทำประชามติของประชาชนมาแล้ว ซึ่งส่วนหนึ่งและน่าจะเป็นจำนวนไม่น้อยที่ไปกาเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญเพราะอยากให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว เพื่อที่จะทำให้ความเชื่อถือเชื่อมั่นของบ้านเมืองมันเกิดขึ้น คนทำมาหากินโดยเฉพาะที่พึ่งพาการส่งออกจะได้ไม่ต้องทนทุกข์ทั้งจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่กระเตื้องและการกีดกันของบางประเทศเสียที
ดังนั้น การอ้างเหตุผลที่ว่าเคยเลื่อนมาแล้วด้วยปัจจัยแบบเดิมๆ คงจะไม่เป็นที่ยอมรับ แต่ก็อีกนั่นแหละ หลังจากฟังคำอธิบายของ มีชัย ฤชุพันธุ์ ต่อเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญที่อ้างว่าที่ผ่านมาไปยึดติดกับรูปแบบของต่างชาติมากเกินไป ทั้งที่ไม่ได้เข้ากับจริตของคนไทย ก็พอจะทำให้เชื่อได้ว่า ถ้าจะต้องเลื่อนกันจริงก็ไม่เห็นต้องแคร์อะไรกับพวกต่างประเทศ
จะหาเหตุอะไรมันก็เรื่องของเรา(คณะรัฐประหาร) เมื่อปัจจัยต่างชาติไม่ใช่สาระสำคัญ ก็เหลือแต่คนในประเทศ หรือเป็นเพราะเห็นว่าโพลทุกสำนักช่วงปลายปีต่างเห็นดีเห็นงามและชื่นชอบรัฐบาลคสช.กันยกใหญ่ คนในแม่น้ำ 5 สายเลยได้ใจ คิดว่าถ้าจะประกาศเลื่อนการเลือกตั้งกันเสียแต่เนิ่นๆ กระแสเสียงต่อต้านคงไม่รุนแรงอะไร
นั่นก็อาจจะใช่ แต่ปัจจัยไม่ได้อยู่ที่ผลโพลล์ ตัวชี้วัดสำคัญกับความอยู่รอดปลอดภัยของรัฐบาลบิ๊กตู่ปีนี้อยู่ที่ความสามารถในการแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน ราคาพืชผลทางการเกษตรดูเหมือนว่าจะกลับมาฟื้นตัวเว้นราคาข้าว หากยังมีแรงบวกต่อเนื่องก็พอจะทำให้คณะรัฐบาลโดยเฉพาะอย่างยิ่งหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เบาใจไปได้เปราะหนึ่ง
แต่แค่เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศทั้งเรื่องรายได้ประชากร ค่าครองชีพและการเจริญเติบโตของจีดีพีจะเป็นตัวบ่งชี้ว่ารัฐบาลนี้มีความสามารถที่จะอยู่บริหารประเทศต่อไปได้หรือไม่ หากมองไปถึงการวิเคราะห์ของฝ่ายรัฐบาลโดยรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่างแสดงความเชื่อมั่นว่าทุกอย่างจะเป็นบวกทั้งภาคการส่งออกและการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อจีดีพี
ขณะที่หน่วยงานซึ่งเก็บข้อมูลและประเมินความเป็นไปได้ไม่ว่าจะเป็นธนาคารแห่งประเทศไทย คณะกรรมการนโยบายการเงินหรือแม้แต่ภาคเอกชนเอง ยังมีความหวั่นใจอยู่ว่าการส่งออกนั้นไม่ได้สดใสอย่างที่คิด ยังมีหลายปัจจัยที่จะเป็นตัวกดดัน เช่นเดียวกันกับภาคท่องเที่ยว มาตรการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญสร้างผลกระทบด้านลบเกินความคาดหมาย
เอาเป็นว่าเลือกตั้งจะเลื่อนออกไปจริงหรือเปล่า คนเดียวเท่านั้นที่จะให้คำตอบได้คือบิ๊กตู่ ดูว่าท่านผู้นำจะอารมณ์ดีรับปีระกา แล้วอธิบายทุกอย่างอย่างเป็นเหตุเป็นผลหรือไม่ เพราะความจริงในวันที่เข้าไปอวยพรปีใหม่ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีก็บอกไว้แล้วว่า ประยุทธ์จะต้องเหนื่อยต่อไปเพื่อบ้านเมือง
มาตรการเฝ้าระวัง 7 วันอันตราย รัฐบาลเลือกตั้งเข้มงวดได้ในระดับหนึ่ง เพราะเป็นรัฐบาลที่มีมาตรา 44 ใช้มาตรการเข้มงวดทั้งยึดใบขับขี่และรถ เห็นแต่จำนวนตัวเลขของการบังคับใช้กฎหมาย แต่สถิติอุบัติเหตุผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตยังอยู่ในอัตราสูงเหมือนเดิม จึงเริ่มมีคำถามจะเสียงบประมาณมากมายมหาศาลไปเพื่องานเหล่านี้ทำไม ในเมื่อจิตสำนึกของคนใช้รถใช้ถนนยังต่ำอยู่
อย่างที่รู้กัน ปัญหาด้านการจราจรและอุบัติเหตุของประเทศไทยไม่ได้อยู่ที่ความเข้มข้นของการบังคับใช้กฎหมาย หากแต่อยู่ที่มารยาทของผู้ใช้รถใช้ถนน หากคนขับรถยังเห็นกฎจราจรเป็นเรื่องละเมิดได้และไม่เคารพกติกา อาศัยความมักง่ายและความสนุกสนานโดยอ้างเทศกาล ก็ยากที่จะลดสถิติที่จัดเก็บกันได้ โจทย์ใหญ่คือจะสร้างจิตสำนึกคนไทยเรื่องวินัยจราจรอย่างไร บางทีถ้าใช้มาตรา 44 อาจจะช่วยได้ บิ๊กตู่น่าจะลองดูสักตั้ง