พาราสาวะถี อรชุน
ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันโรดแมปเลือกตั้งไม่มีเลื่อนจากกำหนดการเดิม ทั้ง วิษณุ เครืองาม และ ดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งถือเป็นมือกฎหมายประจำรัฐบาลทั้งคู่ ดังนั้น คำขู่หรือการโยนหินถามทางของ สุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสนช.คนที่ 1 ที่อ้างเรื่องกฎหมายค้างพิจารณาจำนวนมากจึงน่าจะฟังไม่ขึ้น
ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันโรดแมปเลือกตั้งไม่มีเลื่อนจากกำหนดการเดิม ทั้ง วิษณุ เครืองาม และ ดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งถือเป็นมือกฎหมายประจำรัฐบาลทั้งคู่ ดังนั้น คำขู่หรือการโยนหินถามทางของ สุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสนช.คนที่ 1 ที่อ้างเรื่องกฎหมายค้างพิจารณาจำนวนมากจึงน่าจะฟังไม่ขึ้น
โดยวิษณุนั้นถึงขั้นกับบอกว่าถ้าอ้างเรื่องกฎหมายต้องคุยกันยาว ที่สำคัญกฎหมายที่ค้างการพิจารณาก็ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล ถ้ากฎหมายค้างก็เร่งพิจารณา ตรงนี้ก็เหมือนเป็นการส่งสัญญาณว่า อย่ามายกเอาเรื่องกฎหมายเป็นตัวประกันแล้วส่งผลกระทบต่อโรดแมปที่วางกันไว้ ต้องเข้าใจว่าเวลานี้สถานการณ์ของประเทศโดยเฉพาะเศรษฐกิจยังไม่มีแนวโน้มฟื้นตัว จึงต้องหลังพิงเชือก เด้งรับดูเชิงกันไปก่อน
เช่นเดียวกันกับดิสทัตที่ยืนยันมาจากการเข้าร่วมประชุมครม. ระบุว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ย้ำเรื่องโรดแมปจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง สิ่งที่สนช.พูดเป็นไปตามความคิดของบุคคลหรือองค์กรนั้น แต่ท่านผู้นำไม่เคยบอกว่าจะเปลี่ยนแปลงอะไร บิ๊กตู่ยังงงว่า ทำไมจึงเอาเรื่องนี้ไปโยงเข้าด้วยกัน ในฐานะคนมีอำนาจเต็มก็ยังไม่เคยพูดเรื่องนี้
หากมองโลกในแง่ดีก็หมายความว่า ท่านผู้นำคงเบื่อที่จะนั่งในตำแหน่งต่อไปในสถานการณ์ที่เป็นอยู่เช่นนี้ อยากจัดการเลือกตั้งให้มันเสร็จๆ ไปเพื่อจะได้เปิดตูดกลับบ้านไปพักผ่อน แต่หากไม่ใช่ก็เหมือนอย่างที่ว่าไว้วันวาน บรรดาคนในแม่น้ำ 5 สายทำตัวเป็นหนังหน้าไฟ ใช้วิธีการโยนหินถามทาง หากเสียงส่วนใหญ่เออออห่อหมกไปด้วยก็เข้าทาง
หรืออีกประการหนีไม่พ้นเรื่องปากท้องของพี่น้องประชาชน การออกลูกติ๊ดชึ่งเพื่อจะดูทิศทางก่อนว่าสิ่งที่ได้ขับเคลื่อนกันไปนั้นหวังผลได้ขนาดไหน หากสถานการณ์มีแนวโน้มจะกระเตื้องและโชว์ให้เห็นถึงผลงาน ก็พอจะเป็นหลักค้ำยันให้รัฐบาลคสช.นำมาอ้างกับประชาชนคนส่วนใหญ่ในการขอเลื่อนโรดแมปออกไปได้อย่างสง่างาม
ต้องไม่ลืมว่า วันเวลาทางการเมืองนั้นมันรู้สึกเหมือนเนิ่นนานกว่าห้วงเวลาปกติ ยิ่งตกอยู่ในสถานการณ์ที่บีบคั้น เร่งวันเร่งคืนให้มันผ่านพ้นไปแต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะยาวนาน แน่นอนว่าท่านผู้นำที่ไม่ชอบการถูกตั้งคำถามให้ต้องเลือกอย่างหนึ่งอย่างใด ย่อมไม่พอใจต่อการตกเป็นฝ่ายตั้งรับ ดังนั้น อะไรที่สามารถขับเคลื่อนให้มันผ่านๆ ไปหรือพ้นจากภาระรับผิดชอบก็ต้องรีบดำเนินการ
ถูกต้องแล้วที่ พีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสนช.คนที่ 2 จะรีบออกตัวว่า เงื่อนไขเวลาการพิจารณากฎหมายของสนช.ต่อวันเวลาการเลือกตั้งไม่ใช่สิ่งสำคัญ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับคสช.ซึ่งความจริงแล้วมันก็คือบิ๊กตู่นั่นเองว่าจะตัดสินใจอย่างไร คำว่าลงเรือแป๊ะต้องตามใจแป๊ะที่วิษณุเคยบอกไว้ ถือเป็นการฉายภาพให้เห็นท่วงทำนองการขับเคลื่อนงานทั้งหมดของรัฐบาลนี้และคณะรัฐประหาร
อย่างไรก็ตาม มีคำถามว่ากรณีเกิดอุบัติเหตุในกระบวนการพิจารณาร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ที่สนช.ไม่เห็นด้วยกับเนื้อหาที่กรธ.ได้ยกร่างมาจะเป็นเหตุให้เกิดความล่าช้าได้หรือไม่ ตรงนั้นคงไม่ใช่ปัญหา เพราะสุดท้ายจะต้องมีกระบวนการตั้งคณะกรรมการร่วมเพื่อพิจารณาหาทางออกของทั้งสองฝ่าย แล้วหากไม่ได้ข้อสรุป แล้วสนช.ยืนยันความเห็นเดิม จะมีผลให้ต้องกลับไปร่างกันใหม่หรือไม่
ตรงนี้ก็ได้รับการยืนยันจากพีระศักดิ์ว่า โอกาสที่สนช.จะปีนเกลียวกับกรธ.คงเกิดขึ้นยาก เพราะขณะนี้กรธ.ได้ขอความเห็นเกี่ยวกับเนื้อหากฎหมายลูกมายังสนช. ซึ่งสนช.ได้เสนอแนะความเห็นไปแล้ว เชื่อว่า กรธ.จะนำไปพิจารณาร่วมกับความเห็นจากหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้การร่างกฎหมายลูกออกมาตรงความต้องการของทุกฝ่าย
หากเป็นเช่นนั้นก็เบาใจไปได้ระดับหนึ่ง แต่สิ่งหนึ่งซึ่งสนช.คงต้องตระหนักนั่นก็คือ ร่างกฎหมายลูกของกรธ.นั้นเขียนขึ้นมาตามบทบัญญัติของร่างรัฐธรรมนูญที่ผ่านความเห็นชอบจากประชามติของประชาชนเสียงส่วนใหญ่แล้ว นั่นหมายความว่า กรธ.ได้ดำเนินการทุกอย่างตามกรอบที่มีอยู่ จะไปเขียนให้นอกเหนือจากกฎหมายสูงสุดไม่ได้
ถ้าสนช.ไม่พอใจหรือไม่เห็นด้วยกับเนื้อหาที่กรธ.ยกร่างขึ้น ต้องตอบคำถามสังคมให้ได้ว่าไม่พอใจเพราะอะไร กรธ.ได้เขียนผิดเพี้ยนไปจากข้อกำหนดต่างๆ ที่ระบุไว้ในร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่ หากไม่ใช่แล้วสนช.ไปแสดงความเห็นแย้ง ก็เท่ากับว่าเป็นการละเมิดความเห็นของประชาชนที่มอบความไว้วางใจให้กรธ.ผ่านร่างรัฐธรรมนูญซึ่งผ่านการลงประชามติแล้วนั่นเอง
เว้นเสียแต่ว่าจะมีการย้อนกลับไปสู่วังวนเดิมเป็นชะตากรรมเดียวกันกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับ บวรศักดิ์ อุวรรณโณ นั่นก็อีกเรื่อง ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริงก็จะเป็นไปตามที่ดอกเตอร์ปื๊ดเคยบอกไว้ เข้าใจในสัจธรรมกับร่างรัฐธรรมนูญของตัวเองถูกคว่ำโดยสปช.ว่า “เขาอยากอยู่ยาว” เพียงแต่ว่าการหาเหตุอยู่นานนั้น มันต้องมีปัจจัยที่ดีมาสนับสนุนด้วย
ฟังจากที่ท่านผู้นำแถลงหลังการประชุมครม.วันวาน ยังคงออกอาการไม่พอใจต่อคำถามเรื่องโรดแมป แต่ก็ยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปตามกรอบเวลาที่เคยได้ขีดเส้นไว้ แม้จะพยายามอธิบายในมุมของความจำเป็นเรื่องความสงบเรียบร้อยและกระทบกระแทกในหลายๆ ประเด็นก็ตาม ซึ่งก็พอจะเข้าใจว่าเหตุที่บิ๊กตู่ไม่แสดงอาการว่าจะเลื่อนนั้นเป็นเพราะสัญญาที่เคยไปลั่นวาจาไว้ในเวทีระดับโลก
ที่สำคัญมากไปกว่านั้น หากบอกว่าโรดแมปเลื่อนแน่ เท่ากับเป็นการกวักมือเรียกหายนะมาสู่รัฐบาลและประเทศไทย เพราะมันจะสะเทือนต่อความเชื่อมั่นในระดับโลกทันที แผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่คนส่วนใหญ่ยังไม่แน่ใจว่ามันจะดีหรือไม่ก็จะแป้กในทันที แทนที่จะวางมืออย่างเท่ๆ ด้วยยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศระยะ 20 ปีมันก็จะเป็นเรื่องตรงข้าม
แผนการที่คณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สปท.จะเสนอให้มีการนิรโทษกรรมนักโทษทางการเมือง คงต้องเก็บเข้าลิ้นชักไปได้ เพราะท่านผู้นำไม่ปลื้ม โดยยังกังขาต่อท่าทีของนักการเมืองที่เป็นตัวการสำคัญ เมื่อคนมีอำนาจเต็มยังปล่อยวางเป็นกลางไม่ได้ ก็อย่าไปคิดเห็นทางที่จะให้คนหันหน้ามาคุยกัน และก็อย่าหวังว่าบ้านเมืองมันจะสามัคคีและเดินไปข้างหน้าอย่างสงบราบคาบได้