AMA พุ่งเกิน 10% ลุ้นรายได้ปีนี้โตทะลุ 50% หลังขยายกองเรือ-กองรถตามแผน
AMA พุ่งเกิน 10% ลุ้นรายได้ปีนี้โตทะลุ 50% หลังขยายกองเรือ-กองรถตามแผน ล่าสุด ณ เวลา 14.33 น. ราคาอยู่ที่ 23.20 บาท บวก 2.20 บาท หรือ 10.48% สูงสุดที่ 23.20 บาท ต่ำสุดที่ 21.00 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 278.14 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท อาม่า มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ AMA ณ เวลา 14.33 น. ราคาอยู่ที่ 23.20 บาท บวก 2.20 บาท หรือ 10.48% สูงสุดที่ 23.20 บาท ต่ำสุดที่ 21.00 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 278.14 ล้านบาท
นายพิศาล รัชกิจประการ กรรมการผู้จัดการ บริษัทอาม่า มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ AMA เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจรายได้ปี 60 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 50% จากปีนี้ ตามแผนการอีก 2 ลำ ขนาด 13,000 เมตริกตันต่อลำ จะเริ่มให้บริการได้ตั้งแต่ไตรมาส 2/60 เป็นต้นไป ซึ่งเมื่อรวมกับเรือที่ซื้อเข้ามาในเดือนพ.ย. 59 จำนวน 1 ลำ ขนาด 13,000 เมตริกตัน
โดยจะส่งผลให้มีเรือใหม่รวม 3 ลำที่จะเข้ามาเพิ่มเติมทำให้มีปริมาณการบรรทุกรวม 39,000 เมตริกตัน เทียบกับจำนวนเรือที่มีอยู่ 7 ลำก่อนหน้านี้ ที่มีปริมาณการบรรทุกรวม 33,661 เมตริกตัน ถือว่าเป็นการเติบโตกว่าเท่าตัว โดยเส้นทางให้บริการหลักในการขนส่งยังอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเอเชียตะวันออก
นอกจากนี้ยังมีแผนขยายกองรถขนส่ง อีก 80-100 คัน ในช่วงปี 60-61 จาก ณ สิ้นปี 59 จะอยู่ที่ราว 100 คัน โดยส่วนใหญ่ราว 90% เป็นการขนส่งให้กับบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG และส่วนที่เหลืออีก 10% เป็นการขนส่งให้กับบริษัท น้ำมันพืชปทุม จำกัด ขณะเดียวกันยังมีแผนที่จะรับขนส่งสินค้าอื่นๆ เพิ่มเติม โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อขนส่งสินค้าที่เกี่ยวกับสารเคมี ยางมะตอย และน้ำมันปาล์มดิบ เป็นต้น
ทั้งนี้ บริษัทยังคงตั้งเป้าที่จะรักษาระดับอัตรากำไรสุทธิในปี 60 ไว้ที่ 15-19% และอัตรากำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 30% โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้าเพื่อที่จะปรับขึ้นค่าบริการ เพื่อสะท้อนต้นทุนราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งคาดว่าจะสามารถใช้ค่าบริการใหม่ได้ในช่วงต้นปี 60 ขณะเดียวกันยังคงแผนที่จะให้มีอัตราการเช่าเรือที่ 95% และอัตราการเช่ารถขนส่งที่ระดับไม่ต่ำกว่า 80% ตามสัญญาที่มีกับ PTG เป็นระยะเวลา 5 ปี
“ปี 60 เรามั่นใจมากที่ผลประกอบการจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 50% เพราะกองเรือที่เพิ่มเข้ามาช่วยให้มีปริมาณการขนส่งรวมเพิ่มกว่าเท่าตัว และปัจจุบันลูกค้าก็เริ่มเร่งเราแล้วให้รีบนำเข้าเรือเข้ามาให้บริการได้แล้ว เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันพืช มีจำนวนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันเราจะเจรจาเพื่อปรับค่าระวางเรือขึ้นในช่วงต้นปี 60 เพื่อที่จะให้สะท้อนต้นทุนน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นด้วย นอกจากนี้เรายังคงหาสินค้าใหม่ ๆ ที่เราสามารถขนส่ง ไม่ว่าจะเป็นยางมะตอย และน้ำมันปาล์มดิบ เข้ามาเพิ่ม ซึ่งหากเราได้ส่วนนี้เข้ามาเพิ่มจะทำให้เราต้องเพิ่มปริมาณรถขนส่งเร็วกว่าที่คาดได้”นายพิศาล กล่าว