BEM บวก 2% รับข่าวรฟม.จ้างเดินรถสถานี “เตาปูน-บางซื่อ”
BEM บวก 2% รับข่าวรฟม.จ้างเดินรถสถานี “เตาปูน-บางซื่อ” ล่าสุด ณ เวลา 15.08 น. ราคาอยู่ที่ 7.65 บาท บวก 0.15 บาท หรือ 2.00% สูงสุดที่ 7.70 บาท ต่ำสุดที่ 7.50 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 1.22 พันล้านบาท โบรกฯ แนะ “ซื้อ” ชูเป้า 8.60 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ณ เวลา 15.08 น. ราคาอยู่ที่ 7.65 บาท บวก 0.15 บาท หรือ 2.00% สูงสุดที่ 7.70 บาท ต่ำสุดที่ 7.50 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 1.22 พันล้านบาท
ด้านบล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ”ซื้อ”BEM ให้ราคาเป้าหมาย 8.6 บาทจากประเด็นข่าวคณะกรรมการ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เห็นชอบให้ รฟม.ใช้วิธีพิเศษในการว่าจ้าง BEM เดินรถไฟฟ้า 1 สถานีช่วงเตาปูน-บางซื่อ เชื่อมโยงสายสีม่วงและสายสีน้ำเงิน เนื่องจากต้องใช้ระบบพลังงานไฟฟ้าและศูนย์ควบคุมการเดินรถของรถไฟฟ้าซึ่งเปิดเดินรถอยู่แล้ว โดยลดราคากลางติดตั้งระบบเดินรถ 1 สถานีลงมาอยู่ที่ 678 ล้านบาทจากเดิม 693 ล้านบาท และค่าจ้างเดินรถให้ BEM 52 ล้านบาทต่อปี ซึ่งคาดจะลงนามสัญญาว่าจ้างกับ BEM ได้ในต้นเดือนมีนาคมนี้
สำหรับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ช่วงหัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระ ได้ข้อสรุปแล้ว เมื่อวันที่ 4 มกราคม เสนอผลการเจรา ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) และเสนอร่างสัญญาให้อัยการพิจารณาแล้ว และเสนอเรื่องเข้าไปยังกระทรวงคมนาคมแล้ว คาดว่ากระทรวงจะนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.)พิจารณาอนุมัติภายใน 90 วันหลังจากนี้
ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัย บล.ทิสโก้ มีมุมมองที่ดีจากความชัดเจนที่มากขึ้นสำหรับทั้งสองเส้นทางที่ค้างคามานาน สำหรับสายสีม่วงที่จะเปิดเดินรถ 1 สถานีได้ในเดือนสิงหาคมนี้เป็นไปตามที่บริษัทและทิสโก้คาดการณ์ไว้ และน่าเป็นไปได้ตามแผนการเนื่องจากระบบโยธาได้ดำเนินการเสร็จแล้ว เหลือแค่ติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณ ระบบการเดินรถ และทดลองการเดินรถ ซึ่งบริษัทมีความพร้อมที่จะดำเนินการ
สำหรับสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ยังไม่มีการเปิดเผยถึงเงื่อนไขที่มีการเจรจาในแง่ของการสิ้นสุดสัญญาสัมปทานสำหรับสายสีน้ำเงินเดิมและสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย แต่มีความเป็นไปได้ที่จะสิ้นสุดพร้อมกันในปี 2592 และการจัดเก็บค่าแรกเข้า ซึ่งทาง รฟม. เสนอให้มีการเก็บค่าแรกเข้าครั้งเดียว 16 บาท และค่าโดยสารสำหรับทั้งโครงข่าย 16-42 บาท ปรับขึ้นสถานีละ 2 บาท โดยก่อนหน้านี้ทาง BEM มีการขอค่าชดเชยจากการไม่มีการเก็บค่าแรกเข้าปีละ 100 ล้านบาท ระยะเวลา 10 ปี รวมมูลค่า 1,000 ล้านบาท เนื่องจากการไม่จัดเก็บค่าแรกเข้าจะกระทบต่อรายได้ของ BEM โดยทางบริษัทคาดว่าจะทยอยเปิดให้บริการรายสถานีได้ในปลายปี 2562 และเต็มรูปแบบในปี 2563
อย่างไรก็ตาม อยู่ระหว่างการปรับประมาณการ เพื่อสะท้อนเงื่อนไขของสัมปทานสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ปัจจัยเสี่ยงมาจาก 1) จำนวนผู้โดยสาร/รถใช้ทางด่วนที่น้อยกว่าคาด 2) การลงทุนเส้นทางใหม่ของรัฐบาลที่ช้ากว่าคาด