NCH พุ่งเกือบ 14% หลังเล็งร่วมทุน LPH สร้าง รพ.ลาดพร้าว 2 ย่านลำลูกกา
NCH พุ่งเกือบ 14% หลังเล็งร่วมทุน LPH สร้าง รพ.ลาดพร้าว 2 ย่านลำลูกกา ล่าสุด ณ เวลา 16.13 น. ราคาอยู่ที่ 1.33 บาท บวก 0.16 บาท หรือ 13.68% สูงสุดที่ 1.39 บาท ต่ำสุดที่ 1.17 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 57.75 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท เอ็น. ซี. เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ NCH ณ เวลา 16.13 น. ราคาอยู่ที่ 1.33 บาท บวก 0.16 บาท หรือ 13.68% สูงสุดที่ 1.39 บาท ต่ำสุดที่ 1.17 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 57.75 ล้านบาท
นายสมเชาว์ ตันฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น. ซี. เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ NCH เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาการเข้าร่วมทุนกับ บริษัท โรงพยาบาล ลาดพร้าว จำกัด (มหาชน) หรือ LPH เพื่อสร้างโรงพยาบาล ลาดพร้าว 2 ย่านลำลูกกา ซึ่งเป็นแผนการลงทุนที่ LPH ได้วางแผนไว้ว่าจะเริ่มก่อสร้างภายในปีนี้ โดยปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาแผนการลงทุนดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้
โดยเบื้องต้นบริษัทมองว่าการลงทุนในธุรกิจโรงพยาบาลเป็นการเปิดโอกาสต่อยอดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ ที่นอกเหนือจากการพัฒนาและขายโครงการบ้านและคอนโดมิเนียม ซึ่งเป็นการกระจายความเสี่ยงของธุรกิจ และต่อยอดการเติบโตให้กับบริษัท เพราะธุรกิจโรงพยาบาลในระยะยาวถือว่าเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนดี ประกอบกับความเชี่ยวชาญและความชำนาญ รวมถึงประสบการณ์การทำงานของทีมผู้บริหารโรงพยาบาลลาดพร้าวที่มีศักยภาพสูง เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้บริษัทมองโอกาสการเข้าร่วมลงทุน อีกทั้งแนวโน้มผู้ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลยังมีอย่างต่อเนื่อง แต่จำนวนอาจจะผันผวนไปตามช่วงเวลา
“ตอนนี้ก็มีพิจารณาที่จะเข้าไปร่วมลงทุนกับโรงพยาบาลลาดพร้าวที่โรงพยาบาลลาดพร้าว 2 ย่านลำลูกกา แต่ก็พิจารณาอยู่ยังไม่ด้สรุปแน่นอน ถ้าสรุปก็คงเป็นปีนี้ตามแผนของโรงพยาบาลลาดพร้าวที่จะเริ่มก่อสร้างภายในปีนี้ ก็มองว่าเป็นการเปิดโอกาสให้กับบริษัทในการต่อยอดธุรกิจ Real Estate ที่ไม่จำเป็นต้องจำกัดอยู่เฉพาะแค่การพัฒนาและขายบ้านและคอนโดมิเนียมเท่านั้น Real Estate ยังมีอย่างอื่นๆอีกไม่ว่าจะเป็นที่ดิน อาคารสำนักงาน หรือแม้กระทั่งโรงพยาบาลก็เป็นหนึ่งในธุรกิจ Real Estate ที่เราสนใจธุรกิจโรงพยาบาลเพราะว่าเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนในระยะยาวที่ดี”นายสมเชาว์ กล่าว
ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีการเจรจากับพันธมิตรต่างชาติที่ติดต่อเข้ามาสนใจจะเข้ามาถือหุ้น หรือร่วมลงทุนกับบริษัท ซึ่งบริษัทก็ยังไม่ปิดโอกาสดังกล่าว แต่ยังไม่สามารถจะกำหนดระยะเวลาของความชัดเจนที่แน่นอนได้ เพราะที่ผ่านมาก็มีพันธมิตรต่างชาติหลายรายเข้ามาเจรจาแต่ก็ยังไม่มีความชัดเจนใดๆ หรือแม้กระทั่งมีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาขอซื้อกิจการของบริษัท แต่โดยส่วนตัวไม่มีความคิดที่จะขายกิจการออกไป
ส่วนภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ในปี 60 นายสมเชาว์ คาดว่า จะเติบโตได้เพียงเล็กน้อย เพราะภาวะตลาดยังคงมีการชะลอตัวอยู่ แม้ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยจะยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่ภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวมากนัก จึงเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นและการตัดสินใจซื้อของประชาชน ซึ่งมีผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภาพรวม