MONO ทีวีเหนือดวงแฉทุกวัน ทันเกมหุ้น

ท่ามกลางการดิ้นรนต่อเนื่องแสนสาหัสของผู้ประกอบการสถานีโทรทัศน์ดิจิตอลที่ได้ใบอนุญาตจาก กสทช.หลายปีก่อน จนกระทั่งหลายคนมีข้อสรุปว่าต้องมีการล้มหายตายจากกันไปบ้าง…เป็นข้อสรุปที่โหดร้าย แต่ก็มีเค้าความจริงพอสมควร

แต่…โลกนี้ มักจะมีข้อยกเว้นอยู่เสมอ…เพราะบริษัทประกอบการโทรทัศน์อย่างบริษัท โมโน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ MONO กลับมีผลประกอบการที่ดีเกินคาดในปี 2559 แม้จะมีตัวเลขขาดทุน แต่ก็ดีขึ้นมากกว่าที่ใครคาดคิด

ล่าสุด นายนวมินทร์ ประสพเนตร ผู้ช่วยประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด MONO เปิดเผยแผนการดำเนินงานในปี 2560 ว่าคาดจะสามารถพลิกกลับมามีกำไรสุทธิได้ หลังจากปีก่อนถึงจุดคุ้มทุนแล้ว

เหตุผลที่มีความเชื่อมั่นเพราะว่า ในช่วงที่ผ่านมาการลงทุนของบริษัทถึงจุดที่ลงตัวแล้ว ต่อจากนี้บริษัทจะหันมาพัฒนาคอนเทนต์ ช่องทีวีดิจิตอล Mono29 ในรูปแบบใหม่มากขึ้น โดยตั้งเป้าหมายปี 2560 ช่องทีวีดิจิตอล Mono29 จะมีรายได้เติบโตเท่าตัวจากปี 2559 ที่คาดจะมีรายได้เติบโตเท่าตัวจากปี 2558 ที่มีรายได้ 600 ล้านบาท

แผนการตั้งงบลงทุนประมาณ 700-900 ล้านบาท เพื่อพัฒนาคอนเทนต์ นับแต่ การซื้อลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ ซีรีส์ กีฬาจากต่างประเทศ และผลิตเอง เพื่อสร้างจุดแข็งของช่อง และมุ่งเจาะกลุ่มแมสมากขึ้น โดยเฉพาะในต่างจังหวัด ถือเป็นจุดขายสำคัญ

นั่นยังไม่สำคัญเพราะปัจจุบันเรตติ้งของช่อง MONO29ค่อนข้างดีคือที่ระดับ 1.0 แต่ทางด้าน MONO1 ยังไม่พอใจเพราะคาดหวังสูงแบบกดดันตัวเองค่อนข้างมากตามประสาคนหนุ่มไฟแรงเพราะประธานของบริษัทคือ เสี่ย พิชญ์ โพธารามิก ไม่กลัวธาตุไฟจะแตกเสียก่อนแม้แต่น้อย ทำให้ตั้งความคาดหวังว่าในอนาคต จะมีเรตติ้งมากกว่า 1 จากที่ผ่านมา เรตติ้ง 15+ ในเดือน ม.ค.60 อยู่ที่ 1.2 และในเดือน ธ.ค.59 อยู่ที่ 0.9 ซึ่งมีทิศทางการปรับตัวในทางที่ดีมากขึ้น

ก็เป็นเรื่องที่ไม่แปลกเพราะว่า เรตติ้งสูงเท่าใด รายได้จากค่าโฆษณา ก็จะยิ่งเพิ่มมากเพียงนั้น

ในเดือนมกราคมนี้เป็นต้นไป ช่องMONO29 ได้มีการปรับค่าโฆษณาของบริษัทขึ้นมาบ้างแล้ว โดยบางรายการ เช่น รายการ เมกะมูวี่ส์ ที่มีเรตติ้ง 2 และส่วนใหญ่ภาพยนตร์จะมีการฉายในช่องทีวีดิจิตอล Mono29 เป็นที่เดียว ส่งผลให้มีการปรับค่าโฆษณา เพิ่มขึ้น 50% จากปัจจุบันมีค่าโฆษณามากกว่า 100,000 บาทต่อนาที

แล้วในส่วนของซีรีส์ไทย บริษัทคาดหวังจะมีค่าโฆษณา 100,000 บาทต่อนาทีเช่นกัน โดยตำนานสมเด็จพระนเรศวร มหาราช เดอะซีรีส์ ขณะนี้มีโฆษณาเต็ม 100% แล้ว

 ในอนาคต MONO29 ยังมีพันธมิตรทางธุรกิจกับสตูดิโอสร้างภาพยนตร์ฮอลลีวูด เช่น วอร์เนอร์ บราเธอร์ส, วอลท์ ดิสนีย์, ยูนิเวอร์แซล, พาราเม้าท์, โซนี่ , ซีบีเอส, มิราแม็กซ์ เหนียวแน่น โดยในปีหน้า (2561) จะมีฟ็อกซ์ เข้ามาเพิ่มเติมอีก

การฟื้นตัวของธุรกิจโทรทัศน์ดิจิตอล จนกระทั่งล่าสุดสัดส่วนรายได้จากช่องทีวีดิจิตอล Mono29 อยู่ที่ประมาณ 50% และออนไลน์โมบายล์ 50% ในขณะที่ธุรกิจกิจออนไลน์โมบายล์ จำต้องเร่งแก้ปัญหาการถดถอยลง ด้วยการพัฒนารูปแบบใหม่มากขึ้น หลังจากช่วงที่ผ่านมา ตลาดโมบายล์ SMS อยู่ในสภาวะที่ชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง

การกลับตัวเร็วของMONO เห็นได้จากรงบการเงินที่สวยงามในไตรมาส 3 ของปี 2559 ที่กลับมาทำกำไรสุทธิได้เรียบร้อย 8.14 ล้านบาท แม้จะน้อยไปจนกระทั่งไม่ช่วยให้งบกำไรงวด 9 เดือนกลับมาบวกได้ เพราะยังปรากฏตัวเลขขาดทุนสุทธิอยู่ถึง60.70 ล้านบาท แต่ก็ถือว่าดีกว่างวด 9 เดือนปีก่อนที่ขาดทุน 103.13 ล้านบาท

หากเจาะลึกเข้าไปดูงบการเงินสิ้นงวด 30 กันยายน 2559 จะพบว่าแม้MONO จะยังขาดสภาพคล่องอยู่บ้างเล็กน้อย แต่หนี้ระยะสั้นก็ไม่ได้มากมายอะไร จากผลพวงของการควบคุมต้นทุนการบริหารจัดการที่ดีโดยเฉพาะต้นทุนค่าใช้จ่ายในการบริหารที่ลดลงค่อนข้างมากจากปีก่อน  สวนทางกับรายได้ที่เพิ่มมากขึ้นกว่า 25%   

ตัวเลขขาดทุนที่ลดลงแล้วทำท่ากลับมาทำกำไรได้ จะทำให้ฐานะทางการเงินของ MONO แม้ว่าจะยังไม่สามารถลบขาดทุนสะสมไปได้ ทำให้ไม่มีโอกาสที่จะได้เห็นการจ่ายปันผลได้ว่าจะเป็นเมื่อใด…เพราะต้องรอให้กำไรสะสมหมดไปเสียก่อน

ทั้งหมดนี้ จะบอกว่า คนบัญชา ย่อมเหนือฟ้าลิขิต ได้ จากการเป็นผู้ประกอบการที่มุ่งมั่น ไม่ต้องมีแรงกดดันจากการถูกใครคาดหวังว่า จะมีกำไรหรือเป็นอันดับนำของธุรกิจโทรทัศน์ดิจิตอล

ความสามารถในการพลิกสถานการณ์ให้กลับมาฟื้นตัวโดยเร็ว แม้ว่าจะต้องเผชิญกับการแข่งขัน และตัวเลขค่าใช้จ่ายว่าด้วย “ต้นทุนการได้ใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่”ที่เป็นภาระหนักอึ้ง ก็ถือได้ว่า MONO  เดินมาถูกทางแล้ว

 ที่สำคัญ และถือเป็นโจทย์ที่นักลงทุนหรือผู้ถือหุ้นทั้งหลายชื่นชอบอย่างมากคือ การที่ MONO มีคำมั่นสัญญาออกมาแล้วว่า หากในปี 2560 สามารถพลิกกลับมามีกำไรสุทธิได้ จะช่วยให้มีโอกาสนำเอากำไรไปล้างขาดทุนสะสมได้ เพราะมีตัวเลขขาดทุนสะสมไม่มากนัก

คำมั่นสัญญาแบบนี้ …ฟังแล้วคุ้นๆหู

หลายคนคิดถึงใบหน้าของเสี่ยพิชญ์ ในฐานะท่านประธานใหญ่ของ MONO ทันที

“อิ อิ อิ”