PTT คาดผลประกอบการธุรกิจถ่านหินปีนี้ดีกว่าปีก่อน หลังคุมต้นทุนผลิต-ราคาดีขึ้น
PTT คาดผลประกอบการธุรกิจถ่านหินปีนี้ดีกว่าปีก่อน หลังคุมต้นทุนผลิต-ราคาถ่านหินปรับตัวดีขึ้น
นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติ บริษัทปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าผลประกอบการของธุรกิจถ่านหินในปีนี้จะดีกว่าในปีที่ผ่านมา เนื่องจากสามารถควบคุมต้นทุนการผลิตให้อยู่ในระดับต่ำ โดยปีที่แล้วมีต้นทุนผลิตราว 36.5 เหรียญสหรัฐ/ตัน และปีนี้ก็มีแผนที่จะปรับลดต้นทุนการผลิตลงอีก ด้านราคาถ่านหินมีทิศทางที่ปรับเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว โดยราคาถ่านหินนิวคาสเซิล ล่าสุดอยู่ที่ 65-66 เหรียญสหรัฐ/ตัน ขณะที่จะยังคงรักษาระดับการผลิตเช่นเดียวกับปีที่แล้วที่ราว 9 ล้านตัน
“ปีนี้คาดว่าผลประกอบการของธุรกิจถ่านหินน่าจะดีกว่าปีที่แล้ว เพราะช่วงที่ผ่านมาเราลด cost ได้ดี อย่างการที่เราเจรจาลดต้นทุนที่จ่ายให้กับ contractor ในส่วนของการขุดและผลิตทำให้ต้นทุนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และปีนี้ก็เป็นไปได้ที่ราคาถ่านหินน่าจะปรับขึ้นได้”นายวิรัตน์ กล่าว
ขณะนี้ยังต้องจับตาทิศทางราคาถ่านหินว่าจะดีขึ้นอย่างมั่นคงหรือยังผันผวนอยู่ แต่ภาพรวมธุรกิจยังดีอยู่ โดยปีที่ผ่านมาธุรกิจถ่านหินของปตท.ก็ยังทำกำไรได้ จากการบริหารจัดการทีดี และปีนี้น่าจะทำได้ดีขึ้นอีก อย่างไรก็ตามยังต้องจับตานโยบายถ่านหินของจีนที่จะพยายามควบคุมการใช้ถ่านหินให้น้อยลง เพื่อป้องกันการเกิดมลภาวะ แต่จีนนับว่าเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่มาก แม้จะมีการลดการผลิตในบางพื้นที่ แต่ก็เชื่อว่าอาจยังต้องนำเข้าถ่านหินในบางพื้นที่เช่นกัน
ส่วนแผนการนำบริษัท Sakari Resources Limited (SAR) ซึ่งทำธุรกิจเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซีย เข้าตลาดหลักทรัพย์ในอินโดนีเซียนั้น ก็ยังคงอยู่เพราะการเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นก็เป็นแหล่งที่จะช่วยระดมทุนเงินทุนได้ทางหนึ่ง อย่างไรก็ตามในช่วงเวลานี้คงยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่จะดำเนินการ
สำหรับงบลงทุนตามแผน 5 ปี (ปี 60-64) ของบริษัทปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP ที่ระดับ 14,950 ล้านเหรียญสหรัฐนั้น ยังไม่ได้รวมงบลงทุนที่จะใช้ในการซื้อกิจการ (M&A) ซึ่งคาดหวังว่าในปีนี้จะน่าจะสรุปดีลได้การซื้อกิจการได้ จากช่วงก่อนหน้านี้การซื้อกิจการค่อนข้างยากเพราะบริษัทต่างชาติที่เป็นเจ้าของไม่ได้เร่งรีบขาย