แบบนี้..มันต้องถอน!โมนิก้าและทีมงาน
*อันที่จริงเรื่องของการลงทุนในตลาดหุ้นก็ดูวุ่นวายไม่แพ้เรื่องชาวบ้านชาวช่อง จึงต้องโฟกัสประเด็นดังกล่าวเป็นเรื่องๆ ไปและอย่าได้คิดเหมารวมเรื่องนั้นเป็นเรื่องนี้ หากไม่มีความเชื่อมโยงกันโดยตรง เพราะที่ผ่านมาผู้หลักผู้ใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็พยายามช่วยกันทำให้ตลาดหุ้นไทยดีขึ้น จนกลายเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุนประเภทต่างๆ นะจะบอกให้
*อันที่จริงเรื่องของการลงทุนในตลาดหุ้นก็ดูวุ่นวายไม่แพ้เรื่องชาวบ้านชาวช่อง จึงต้องโฟกัสประเด็นดังกล่าวเป็นเรื่องๆ ไปและอย่าได้คิดเหมารวมเรื่องนั้นเป็นเรื่องนี้ หากไม่มีความเชื่อมโยงกันโดยตรง เพราะที่ผ่านมาผู้หลักผู้ใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็พยายามช่วยกันทำให้ตลาดหุ้นไทยดีขึ้น จนกลายเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุนประเภทต่างๆ นะจะบอกให้
*ปัญหาที่มีอยู่ในเวลานี้มีอยู่อย่างเดียวคือ เหตุการณ์บางอย่างเป็นเรื่องที่สังคมชาวหุ้นรับไม่ได้ ซึ่งอาจเป็นผลมาจากภาครัฐทำตัวน่าเกลียด และส่อไปในทางเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนบางแห่งอย่างทนโท่ “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่ผู้คนในตลาดหุ้นยังคงมีนิสัยชอบนินทาลับหลังกันเป็นประจำ เพราะไม่มีความจำเป็นต้องเปิดตัวเพื่อเดินชนปัญหาของคนอื่นนะซี
*ตรรกะดังกล่าวทำให้สังคมไทยป่วยอย่างชัดเจน และหนึ่งในตัวอย่างที่ทำให้ “โมนิก้า” ต้องออกมาเอ่ยถึงก็เป็นกรณีของรถเมล์ NGV ทั้งสิ้น 489 คัน ซึ่งนำเข้ามาโดย บ.เบสท์ริน กรุ๊ป พร้อมกับอธิบายเรื่องยอมเสียภาษีนำเข้ารถล็อตแรกหลายร้อยล้านบาท ส่วนล็อตหลังที่กำลังจะนำเข้ามา ขอใช้สิทธิ์ยกเว้นภาษีแบบนี้ เดี๊ยนบอกได้ทันทีว่า สังคมไทยป่วยหนักจริงๆ นะเนี่ย
*หรือคนมีอำนาจในรัฐบาลเห็นคนไทยกินหญ้าเป็นอาหารหลัก ถึงปล่อยให้เรื่องแบบนี้มาทำร้ายจิตใจหน้าตาเฉย หรือคิดในมุมกลับกัน มีบริษัทไหนยอมจ่ายภาษีบ้าง ทั้งที่ตัวเองไม่ต้องเสียภาษีก็ได้ ยกเว้นบริษัทที่ทำอะไรไม่โปร่งใส ย่อมเลือกเดินในสายดำเป็นหลัก “โมนิก้า” ถึงมองเรื่องนี้เป็นต้นแบบของปัญหาอีกหลายอย่างที่จะตามหลังมาอีกเพียบ ก็ในเมื่อผู้คนเขารู้สึกผิดปกติกันทั่วบ้านทั่วเมือง ดร.พิชิต กลับกลายเป็นคนที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยเหรอค่ะ
*อีกหนึ่งกรณีศึกษาที่กลายเป็นขี้ปากชาวบ้าน “โมนิก้า” ของพุ่งเป้าไปยังหุ้น IFEC หลังข้อมูลของแต่ละฝั่งถูกเปิดออกมาทีละช็อต ทำให้ทีมงานของเดี๊ยนรู้ว่า เด็กเลี้ยงแกะย่อมเป็นเด็กเลี้ยงแกะวันยังค่ำ ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นเด็กเลี้ยงควายได้อย่างแน่นอน โดยหนึ่งในคีย์สำคัญที่จะเป็นคนบอกเล่าเรื่องราวได้ดีสุดคงหนีไม่พ้น ผู้บริหารกลุ่มนิคมไฮเทคนั่นเองเจ้าค่ะ
*เนื่องจากเป็นคนที่เข้ามาเก็บหุ้นได้อย่างรวดเร็ว และเป็นตัวเดินเรื่องดีลลึกลับซ่อนเงื่อน ซึ่งวันนี้ยังเก็บตัวเงียบไม่ออกมาเผยจุดยืนให้สังคมได้รู้ และหากยอมปริปากพูดถึงข้อมูลที่ทีมงาน “ข่าวหุ้น” มีอยู่ในมือบางส่วนออกมา สังคมก็คงจะได้รู้คร่าวๆ “เสี่ยอ๋า” กับ “หมอวิชัย” ใครเป็นคนหักหลังใครกันแน่! หรือถ้าไม่มีอะไรออกมาเลย ก็คงต้องรอฟังผลประชุมวิสามัญ 25 ม.ค. 60 ที่สโมสรกองทัพบกนะตัวเอง
*หุ้นอีกหนึ่งตัวที่มีเรื่องราวอื้อฉาวไม่แพ้กัน “โมนิก้า” ขอพุ่งเป้าไปยัง EIC หลังมีแมงลือจากมุมตึกต่างๆ มาเล่าให้ฟังว่า หุ้นที่มีการเปลี่ยนมือไปมาของ เสี่ย บ. มันเป็นผลมาจากพ่อหนุ่มเอาหุ้นไปตึ๊ง เพื่อเอาเงินไปทำโปรเจ็กต์อะไรบางอย่างประมาณนั้น แต่สุดท้ายดันทำไม่ได้เหมือนกับที่ไปโม้ไว้กับชาวบ้านชาวช่อง จึงโดนอัปเปหิออกไปอย่างรวดเร็ว งานนี้จริงเท็จอย่างไรก็ลองไปสืบๆ กันดูนะจ๊ะ
*ย้อนกลับมาดูหุ้นพื้นฐานดีกันบ้างดีกว่า และคิวนี้ก็เป็นรอบของ ALT หลังหุ้นทะยานขึ้นมาปิดที่ 9.25 บาท บวกไป 0.55 บาท หรือขึ้นไป 6.30% ด้วยมูลค่า 510 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นจังหวะที่น่าลุ้นอีกสักยก เพราะเที่ยวก่อนทะยานขึ้นไปถึง 9.75 บาท รอบนี้ก็น่าจะมีลุ้นไปถึงยอดเก่าได้เช่นกัน บวกกับสายเหยี่ยวเชื่อว่า ประเทศไทย 4.0 ส่งผลดีต่อหุ้นตัวนี้เต็มๆ ก็ต้องรีบสอยนะคะ
*อีกหนึ่งรายที่เริ่มขยับขึ้นอย่าง FN ก็ยังเป็นทีเด็ดที่น่าสนใจไม่ใช่น้อย เพราะการโดนทิ้งอย่างหนักหน่วงก่อนหน้านี้ เหมือนเป็นการเขย่าเอาของเพื่อทดสอบสภาพจิตใจของผู้เล่น และในวันนี้ได้พิสูจน์แล้วว่า มีคนพยายามเก็บของอีกรอบ หุ้นถึงวิ่งขึ้นมายืนอยู่ที่ 8.90 บาท บวกไป 0.25 บาท “โมนิก้า” ขอมองยอดเก่าที่บริเวณ 9.50 บาทไว้เป็นเป้าก็แล้วกันเจ้าค่ะ
*อ๋อ!..เกือบลืมดูหุ้นสุดเลิฟอย่าง IRPC ไปเสียแล้ว “โมนิก้า” มาเห็นอีกที หุ้นก็วิ่งขึ้นมายืนที่ 5.30 บาท บวกไป 0.10 บาท ด้วยมูลค่า 2.62 พันล้านบาท มันเป็นจังหวะของการไหลตามน้ำ และถ้าดูรูปแบบการขึ้นของหุ้นในปี 59 กับปี 60 จะเห็นได้ชัดว่า ช่วงต้นปีชอบสตาร์ทแรงๆ เป็นประจำ โดยปีก่อนวิ่งจาก 3 บาทขึ้นไปถึง 4.80 บาท ปีนี้น่าจะวิ่งขึ้นไป 6.80 บาท (เทียบในตรรกะเดียวกัน)..จริงหรือไม่ ดูกันต่อไป..อิอิอิ