ไม่สนิทอย่าติดหนี้! RICH เบี้ยวหนี้ 5 ครั้ง วงเงินกว่า 2 พันล้าน
ไม่สนิทอย่าติดหนี้! RICH เบี้ยวหนี้ 5 ครั้ง วงเงินกว่า 2 พันล้าน
บริษัทริช เอเชีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ RICH ระบุว่า บริษัทได้รับหนังสือแจ้งการผิดนัดชำระหนี้จากเจ้าหนี้ธนาคารแห่งหนึ่ง โดยได้เรียกชำระหนี้เงินต้นคงค้างพร้อมดอกเบี้ยรวม 805.86 ล้านบาท โดยผลกระทบครั้งนี้ ยังส่งผลให้หุ้นกู้คงค้างทั้งจำนวนของบริษัทผิดนัดชำระหนี้ด้วย ซึ่งเมื่อรวมมูลหนี้ผิดนัดชำระทั้งหมด 2.06 พันล้านบาท หรือราว 54.15% ของสินทรัพย์รวม นอกจากนี้ยังมีตั๋วแลกเงิน (B/E) วงเงิน 105 ล้านบาท ที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระด้วย
โดยล่าสุดคณะกรรมการบริษัทมีมติให้เจรจาเพื่อปรับโครงสร้างทางการเงินและภาระหนี้ดังกล่าว ตลอดจนการบริหารจัดการหนี้ ซึ่งบริษัทจะแจ้งผลการเจรจากับเจ้าหนี้ธนาคารภายในวันที่ 26 ม.ค.นี้
ทั้งนี้ RICH แจ้งว่าเมื่อวันที่ 11 ม.ค.60 บริษัทได้รับหนังสือแจ้งการผิดนัดชำระหนี้จากเจ้าหนี้ธนาคารแห่งหนึ่ง และได้เรียกให้บริษัทชำระเงินค้างชำระต้นเงินจำนวน 537.75 ล้านบาท ดอกเบี้ยคงค้างคิดเพียงวันที่ 10 ม.ค.60 จำนวน 268.12 ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 805.86 ล้านบาท ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือฉบับนี้ ซึ่งตรงกับวันที่ 26 ม.ค.60
โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 12 ม.ค. มีมติให้เจรจาและดำเนินการจัดทำแผนการปรับปรุงโครงสร้างทางการเงิน และภาระหนี้ที่มีอยู่ของบริษัทให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และอนุมัติแต่งตั้งบริษัท ฟีนิกซ์ แอดไวซอรี่ เซอร์วิสเซส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและที่ปรึกษากฎหมายในการแก้ไขปัญหาการชำระหนี้ของบริษัทโดยรวม ซึ่งบริษัทคาดว่าจะแจ้งความคืบหน้าแนวทางการแก้ไขปรับปรุงโครงสร้างทางการเงินและการบริหารจัดการหนี้ต่อตลาดหลักทรัพย์ฯได้ภายในวันที่ 31 มี.ค.60
อย่างไรก็ตามผลกระทบจากการเรียกให้บริษัทชำระหนี้คงค้างทั้งหมดดังกล่าว ถือเป็นเหตุให้หุ้นกู้คงค้างทั้งจำนวนของบริษัทผิดนัดชำระหนี้ด้วย ซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดสิทธิของหุ้นกู้ที่กำหนดไว้ นอกจากนี้ในวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา ยังมีตั๋ว B/E จำนวน 20 ล้านบาทที่ถึงกำหนดชำระ และบริษัทก็ยังไม่ได้ชำระหนี้ตามกำหนดวันใช้เงินตามตั๋วแลกเงิน ส่งผลให้มีหนี้ผิดชำระทั้งหมด 5 รายการ มูลค่ารวม 2.06 พันล้านบาท คิดเป็น 54.15% ของสินทรัพย์รวม เมื่อเทียบกับสินทรัพย์รวมตามงบการเงิน สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.59 ประกอบด้วย
1.มูลหนี้รวมดอกเบี้ย 805.86 ล้านบาท จากเจ้าหนี้ธนาคารแห่งหนึ่งในประเทศ โดยเริ่มผิดนัดชำระหนี้วันที่ 31 ต.ค.59 เนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจและผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก
2.ตั๋ว B/E วงเงิน 20 ล้านบาท จากผู้ลงทุนรายหนึ่ง เริ่มผิดนัดชำระหนี้เมื่อวันที่ 31 ม.ค.60 เนื่องจากการเพิ่มทุนไม่สำเร็จตามแผนงานที่กำหนดไว้ ทำให้มีเงินทุนหมุนเวียนไม่เพียงพอชำระหนี้
3.หุ้นกู้ วงเงิน 500 ล้านบาท จากผู้ถือหุ้นกู้รายย่อย เริ่มผิดนัดชำระเมื่อวันที่ 11 ม.ค.60 เนื่องจากการเพิ่มทุนไม่สำเร็จ และผลกระทบจากการผิดนัดชำระหนี้กับเจ้าหนี้ธนาคาร
4.หุ้นกู้ วงเงิน 500 ล้านบาท จากผู้ถือหุ้นกู้รายย่อย เริ่มผิดนัดชำระเมื่อวันที่ 11 ม.ค.60 เนื่องจากการเพิ่มทุนไม่สำเร็จ และผลกระทบจากการผิดนัดชำระหนี้กับเจ้าหนี้ธนาคาร
5. หุ้นกู้ วงเงิน 230 ล้านบาท จากผู้ถือหุ้นกู้รายย่อยเริ่มผิดนัดชำระเมื่อวันที่ 11 ม.ค.60 เนื่องจากการเพิ่มทุนไม่สำเร็จ และผลกระทบจากการผิดนัดชำระหนี้กับเจ้าหนี้ธนาคาร
นอกจากนี้ยังมีตั๋ว B/E ที่เหลืออยู่แต่ยังไม่ถึงกำหนดชำระ วงเงิน 105 ล้านบาท จากผู้ลงทุนรายย่อย 5 ราย โดยมีกำหนดชำระมูลหนี้ 15 ล้านบาท ในวันที่ 27 ก.พ.60 , ชำระ 40 ล้านบาท ในวันที่ 28 ก.พ.60 ,ชำระ 30 ล้านบาท ในวันที่ 2 มี.ค.60 และชำระ 20 ล้านบาท ในวันที่ 24 เม.ย.60
นอกจากนี้ผลจากการผิดนัดชำระหนี้ดังกล่าว ส่งผลกระทบให้บริษัทมีภาระดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้น ซึ่งจะกระทบในงบการเงินและงบแสดงฐานะการเงินของบริษัท
สำหรับแนวทางแก้ไขปัญหาการปรับปรุงโครงสร้างทางการเงินและการบริหารจัดการหนี้ของบริษัททั้งหมด บริษัทและบริษัทที่ปรึกษาจะเร่งรัดการดำเนินการและแจ้งความคืบหน้าภายในกำหนดเวลาตามขั้นตอนเป็นระยะๆ ทั้งนี้ บริษัทจะแจ้งผลการเจรจากับเจ้าหนี้ธนาคารภายในวันที่ 26 ม.ค.60 และเผยแพร่ให้สาธารณชนต่อไป