ขอเผือกหน่อย!โมนิก้าและทีมงาน
*วันนี้เป็นอีกครั้งที่ “โมนิก้า” ต้องออกมาเม้าท์เรื่องชาวบ้านชาวช่อง ทั้งที่ชีวิตจริงของเดี๊ยนมีแต่เรื่องสโลว์ไลฟ์ จึงรู้สึกขัดเขินเป็นอย่างมากเมื่อต้องเม้าท์เรื่องคนอื่นอย่างสนุกสนาน แต่ถ้ามองในมุมของการแชร์ข่าวสารที่เป็นประโยชน์กับนักลงทุนทุกกลุ่ม มันเป็นจังหวะที่เดี๊ยนต้องทำหน้าที่สู่รู้ต่อไปอย่างไม่มีกำหนด เพราะโลกของการลงทุนมันต้องแลกเปลี่ยนข้อมูลกันตลอดเวลาเจ้าค่ะ
*วันนี้เป็นอีกครั้งที่ “โมนิก้า” ต้องออกมาเม้าท์เรื่องชาวบ้านชาวช่อง ทั้งที่ชีวิตจริงของเดี๊ยนมีแต่เรื่องสโลว์ไลฟ์ จึงรู้สึกขัดเขินเป็นอย่างมากเมื่อต้องเม้าท์เรื่องคนอื่นอย่างสนุกสนาน แต่ถ้ามองในมุมของการแชร์ข่าวสารที่เป็นประโยชน์กับนักลงทุนทุกกลุ่ม มันเป็นจังหวะที่เดี๊ยนต้องทำหน้าที่สู่รู้ต่อไปอย่างไม่มีกำหนด เพราะโลกของการลงทุนมันต้องแลกเปลี่ยนข้อมูลกันตลอดเวลาเจ้าค่ะ
*เม้าท์ถึงเรื่องนี้ขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” จำเป็นต้องวกกลับมาดูบรรยากาศการลงทุน ก่อนจะไปถึงเรื่องชาวบ้าน หลังดัชนีออกอาการแทงกั๊กตลอดทั้งวัน ก่อนจะลงเอยที่ระดับ 1,560.83 จุด ลบไป 6.01 จุด ด้วยมูลค่า 4.88 หมื่นล้านบาท มันสะท้อนให้เห็นว่า แรงเทขายยังไม่สะเด็ดน้ำ และแรงซื้อที่แท้จริงยังไม่กลับมา ดัชนีต้องแกว่งตัวออกด้านข้างต่อไปอีกระยะหนึ่งนะจะบอกให้
*ด้วยเหตุนี้ถึงเห็นหุ้นบลูชิพบางตัวออกอาการตื้อๆ ตันๆ เหมือนขาดแรงหนุนอะไรบางอย่าง และเมื่อดูจากอาการของดัชนีลงมายืนต่ำกว่าบริเวณแนวรับ 1,564 จุด “โมนิก้า”ถือเป็นเรื่องสภาพจิตใจของผู้เล่นมากกว่าประเด็นอื่น หากผู้เล่นมองเป็นโอกาสทองของการลงทุน ย่อมไม่มีอาการลังเลใจที่จะซื้อหุ้นเข้าพอร์ต หากเกิดอาการหวั่นไหวขึ้นมากะทันหัน ย่อมมีลักษณะลุกลี้ลุกลนเป็นธรรมดานะคะ
*งานนี้บอกได้แค่ว่า ใครสนใจอยากจะซื้อหุ้น ก็ซื้อหุ้นเก็บไว้ได้เลย ส่วนใครที่ยังกล้าๆ กลัวๆ อาจใช้วิธีรอดูสถานการณ์อีกนิดหนึ่ง เพราะดัชนีจะเหวี่ยงตัวไปมาถี่ขึ้นเรื่อยๆ จึงจำเป็นต้องครองสติให้ได้ในเวลาคับขัน “โมนิก้า” ถึงไม่ถือโทษนักเล่นจากซุ้มต่างๆ ที่เข้ามาตะลุมบอลแบบไม่ทันตั้งตัว ต่อจากนั้นก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เพราะภาวะมันบีบคั้นให้เล่นแบบนั้นเจ้าค่ะ
*สถานการณ์ดังกล่าวดูได้จากอาการของหุ้น IRPC พยายามถีบตัวขึ้นไปยืนเหนือแนวต้าน 5.40 บาทหลายรอบด้วยกัน แต่สุดท้ายก็ขยับขึ้นไปไม่ได้สักที จนวานนี้อ่อนตัวลงมาปิดที่ 5.20 บาท ลบไป 0.15 บาท หรือลงไป 2.80% ด้วยมูลค่า 1.24 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่น่ากังวลในระดับปานกลาง เนื่องจากวันนี้ยังมีโอกาสแก้ตัวอีกรอบ หากทำไม่สำเร็จ ต้องจรลีอย่างรวดเร็วนะคะ
*ส่วนในรายอขง DTAC ยังเป็นหุ้นที่สร้างความงุนงงให้กับนักเล่นได้ตลอดเวลา เพราะประเด็นที่ทำให้หุ้นขึ้นมีเพียงแค่งบลงทุน 7 หมื่นล้านบาท ซึ่งยังไม่มีใครรู้ว่า สัมฤทธิ์ผลเพียงใด? และถ้ามองจากการสวนภาวะขึ้นมาปิดที่ 44 บาท บวกไป 2.50 บาท หรือขึ้นไป 6% ด้วยมูลค่า 1.45 พันล้านบาท “โมนิก้า” กลับมองเป็นเรื่องข่าวลือที่เกี่ยวกับการขายกิจการ น่าจะเป็นประเด็นที่ทำให้พวกนกรู้ยังเข้ามาเคาะขวาเป็นระยะเจ้าค่ะ
*ประเด็นดังกล่าวคล้ายคลึงกับ GUNKUL หลังหุ้นทะยานขึ้นมาปิดที่ 6.40 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 5% ด้วยมูลค่า 285 ล้านบาท “โมนิก้า” พุ่งเป้าไปยังเรื่องซื้อหุ้นวินด์เอ็นเนอจีเพื่อมาเติมต่อความสำเร็จ แต่ดีลนี้ไม่ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก เพราะฉากหลังมีการฟ้องร้องกันนัวเนียไปหมด จนกูรูไม่รู้ว่า เรื่องดังกล่าวจะจบลงอย่างไร? แถมการเดินเกมเที่ยวนี้ของ มาชานลี ไม่ได้แยบยลเหมือนบางดีลที่ทำมาก่อนนี้ จึงมองไม่เห็นคำว่า win-win นะซี
*ผิดกับในรายของพ่อดอกมะลิ JAS มีเรื่องราวน่าตื่นเต้นให้ติดตามเป็นระยะ แถมเป็นเกมที่ทุกคนไม่เคยคาดคิดมาก่อนเสียด้วย จึงเห็นราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงในวันที่ทุกคนไม่มั่นใจ และมักปรับตัวลงแรงในวันที่ทุกคนมั่นใจ และการที่หุ้นสวนภาวะขึ้นมาปิดที่ 8.80 บาท บวกไป 0.25 บาท หรือขึ้นไป 3% ด้วยมูลค่า 1.73 พันล้านบาท น่าจะเป็นคำตอบให้ทุกคนได้เป็นอย่างดี.. ม.ช.ล. กล่าวไว้..อิอิอิ
*เม้าท์มาถึงเรื่องของกลุ่มคนตัวจี๊ดขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอเม้าท์ถึงหุ้น ORI เพื่อเล่าถึงสถานการณ์ที่ดีขึ้นเป็นมาลำดับสักนิดหนึ่งว่า เที่ยวนี้คนที่แฮปปี้มากสุดน่าจะเป็นนักลงทุนรายใหญ่อย่าง เสี่ย น. กับ เสี่ย ป. ซึ่งมีลูกหาบเข้ามาตะลุมบอลในหุ้นตัวนี้กันเยอะแยะ วานนี้ถึงเห็นหุ้นขึ้นมายืนอยู่ที่ 9.70 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 6.60% ด้วยมูลค่า 270 ล้านบาท มันเป็นช่วงความรักหวานฉ่ำจนน่าอิจฉา และหุ้นมีโอกาสไปถึง 11-12 บาทแน่ๆ เจ้าค่ะ
*ส่วนในรายที่ไม่ค่อยแน่ใจ “โมนิก้า” ขอพุ่งเป้าไปที่ WHA หลังบรรดาแมงเม่าออกมาบ่นพึมพำเกี่ยวกับการดันหุ้นแล้วสาดใส่เยอะแยะไปหมด มันเป็นภาพที่ไม่ค่อยสวยงามเลยจริงๆ เพราะถ้าคิดจะเดินสายสีดำอย่างแน่นอน ต้องเผื่อใจยอมรับผลกระทบที่ตามมาด้วย และการที่หุ้นยืนปิดเสมอตัวที่ 3.20 บาท ด้วยมูลค่า 170 ล้านบาท อาจเป็นการส่งสัญญาณบางอย่างให้พวกเจ๊ดันได้รู้ว่า ไม่มีใครอยากตามแล้วนะคะ
*ตบท้ายกันที่หุ้น CHOW สักนิดหนึ่งแล้วกัน หลังผู้คนในตลาดหุ้นร่ำลือถึงฐานะทางการเงินของบริษัทไม่ค่อยจะสู้ดีสักเท่าไหร่ เพราะเมื่อคิดจากอัตราส่วน D/E 7.70 เท่า ย่อมทำให้สถานะของบริษัทสั่นคลอนมากพอสมควร และอาจทำให้ราคาหุ้นไปไม่ไหว แถมยังมีการป้องปากนินทาเรื่องลับๆ ล่อๆ อะไรบางอย่างอีกด้วยแบบนี้ สงสัยเรื่องนี้จะต้องถึงคุณครูอังคณาแล้วกระมัง..อิอิอิ