JWD บวกกว่า 4% ลุ้นผลประกอบการ Q4/59 ฟื้นตัว
JWD บวกกว่า 4% ลุ้นผลประกอบการ Q4/59 ฟื้นตัว ล่าสุด ณ เวลา 15.22 น. ราคาอยู่ที่ 8.55 บาท บวก 0.35 บาท หรือ 4.27% สูงสุดที่ 8.60 บาท ต่ำสุดที่ 8.25 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 61.43 ล้านบาท โบรกฯ แนะ “ซื้อ” ชูเป้า 11 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD ณ เวลา 15.22 น. ราคาอยู่ที่ 8.55 บาท บวก 0.35 บาท หรือ 4.27% สูงสุดที่ 8.60 บาท ต่ำสุดที่ 8.25 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 61.43 ล้านบาท
ด้านบล.เอเซีย พลัส แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 11 บาท/หุ้น โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทอนุมัติการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน “สยาม เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์” เพื่อประกอบธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ชิ้นส่วนยานยนต์แบบครบวงจร ด้วยทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาทโดยบริษัทออโต้ลอจิค ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ JWD ที่หุ้นในสัดส่วน 100% จะเข้าไปถือหุ้นในบริษัทร่วมทุน 42.4995%
โดยการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนดังกล่าวเป็นการร่วมมือกับบริษัทสยามกลการอุตสาหกรรม (ถือหุ้นในบริษัทร่วมทุน 52.5%) เพื่อให้บริการโลจิสติกส์แก่บริษัทในเครือของสยามกลการ ซึ่งถือเป็นการต่อยอดธุรกิจยานยนต์ของ JWD ไปยังต้นน้ำมากขึ้น จากเดิมที่ JWD ให้บริการรับฝาก/บริหารจัดการรถยนต์ในAutomotive Yard ของ JWD เอง และงาน On-site ในพื้นที่ของลูกค้า แต่การร่วมทุนดังกล่าวจะเป็นการรุกตลาดใหม่คือการเข้าไปบริการโลจิสติกส์ชิ้นส่วนยานยนต์ ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่มากในเมืองไทยฝ่ายวิจัยจึงมองว่าการร่วมทุนครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของ JWD และมีโอกาสที่จะนำไปสู่การรับงานบริหารชิ้นส่วนยานยนต์จากลูกค้ารายอื่นๆได้ในอนาคต
อนึ่งผู้บริหารของ JWD คาดว่าบริษัทร่วมทุนจะสามารถเริ่มดำเนินธุรกิจได้ในเดือน ม.ค. 60 และคาดว่ารายได้ในปีแรกประมาณ 50 ล้านบาท จากการให้บริการเฟสแรกใน 2 โรงงาน ของกลุ่มบริษัทในเครือสยามกลการ ทั้งนี้ รายได้จากบริษัทร่วมทุนคิดเป็นสัดส่วนเพียง 2% ของประมาณการรายได้ปี 2560 ของ JWD ที่ฝ่ายวิจัยคาดไว้ 2.4 พันล้านบาท อีกทั้งกำไรจากบริษัทร่วมทุนจะเข้ามาในรูปแบบของส่วนแบ่งกำไรตามสัดส่วนที่ถือหุ้นอยู่ ดังนั้น ฝ่ายวิจัยจึงยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2560 ที่ 221 ล้านบาทต่อไปก่อน จนกว่าจะมีรายละเอียดหรือโอกาสที่ JWD จะได้รับงานอื่นๆเพิ่มเติม
ส่วนแนวโน้มผลประกอบการงวด 4Q59 คาดว่าจะฟื้นตัว QoQ หลังจากที่ในงวด 3Q59 ถูกกดดันด้วยรายการพิเศษประมาณการหนี้สินจำนวนมาก แต่ในงวด 4Q59 มีสัญญาณบวกในหลายธุรกิจทั้ง Throughput ของตู้คอนเทนเนอร์ซึ่งคาดว่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติราว 4 หมื่นตัน และการเปิดให้บริการศูนย์รวมตู้สินค้า(LCL) โดยภาพรวมถึงแม้ว่าปี 2559 ฝ่ายวิจัยจะคาดว่ามีผลขาดทุน 17 ล้านบาท (หลักๆถูกกดดันจากผลประกอบการในงวด 3Q59) แต่ผลประกอบการจะกลับมาฟื้นตัวในปี 2560 จึงแนะนำ “ซื้อ” โดยประเมิน FV อิง DCF (WACC ที่ 7.5%) ได้ราคาเหมาะสม 11 บาท มี Upside 43%