TMT:กำไรปี 59 โตแกร่ง-จ่ายปันผลสูงแนะนำ”ถือ”ราคาเป้าหมาย 17.80 บาท
TMT:กำไรปี 59 โตแกร่ง-จ่ายปันผลสูงแนะนำ"ถือ"ราคาเป้าหมาย 17.80 บาท
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (20 ม.ค.59) ว่า บริษัท ค้าเหล็กไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMT ปี 2559 กำไรสูงเป็นพิเศษ เป็นบริษัทที่จ่ายปันผลดีมาอย่างต่อเนื่อง และในปี 2559 เป็นปีพิเศษที่จะจ่ายปันผลได้สูง เนื่องจากราคาเหล็กปรับขึ้นดี เพราะอุปทานในประเทศตึงตัวขึ้นหลังจากมีกระแสเรียกเก็บค่าธรรมเนียมตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti dumping duty : AD) เหล็กนำเข้ามาตั้งแต่ต้นปี ทำให้การนำเข้าเหล็กแผ่นและท่อน้อยลงไปมาก และในที่สุดเมื่อ 15 พ.ย.59 ค่าธรรมเนียมดังกล่าวได้ถูกประกาศใช้อย่างเป็นทางการ เป็นการเรียกเก็บชั่วคราว 5 ปี (Review ทุกปี) โดยจะมีการเรียกเก็บอากรเพิ่มในอัตราเฉลี่ย 33% (Range อยู่ระหว่าง 3-66%) ในการนำเข้าจากจีน เกาหลี ตุรกี บราซิล อิหร่าน เป็นต้น เป็นรายโรงงาน
นอกจากนั้นปริมาณขายของ TMT ก็เติบโตแข็งแกร่งประมาณ 16% เป็น 6.6 แสนตันจากการที่อุปสงค์เหล็กเพิ่มขึ้นและการขยายส่วนแบ่งการตลาดได้ดีเพราะประสบความสำเร็จในการขายแบบ Solution (บริการครบวงจร รวมไปถึงการบริหารจัดการด้านสินค้าคงคลังและระบบโลจิสติกส์ให้กับลูกค้าด้วย) อัตรากำไรขั้นต้นปี 2559 พุ่งขึ้นเป็นเลขสองหลักประมาณ 12.2%-12.5% สูงกว่าระดับปกติของบริษัทที่ 7-8% ในหลายปีที่ผ่านมา คาดว่ากำไรสุทธิปี 2559 จะเติบโตก้าวกระโดด 172% เป็น 871 ล้านบาท
แม้ว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะลดลงจากปี 2559 ซึ่งสูงผิดปกติ แต่ก็จะขยับขึ้นเป็น New normal ที่ 8-9% (จากเดิม 7-8%) เพราะบริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นมาในระดับที่มี Economy of scale และระบบ Supply Chain ในระบบก็มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย ปรับเพิ่มประมาณการอัตรากำไรขั้นต้นปี 60 เป็น 8.75% (เพิ่มจากเดิมที่ 8.5% เพราะทั้งยอดขายและมาร์จิ้นในไตรมาส 1/60 ยังแข็งแกร่งมาก)
ส่วนปริมาณขายประมาณการไว้ที่ 7.4 แสนตันในปี 2560 เพิ่มขึ้น 13%เทียบช่วงเดียวกันของก่อนแต่เป็นระดับที่อนุรักษ์นิยมกว่าเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้ที่ 7.8 แสนตัน ประมาณการกำไรสุทธิปี 2560 ไว้ที่ 595 ล้านบาท อ่อนลง 32%เทียบช่วงเดียวกันของก่อนแต่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากฐานเก่าปี 2558 ที่ 321 ล้านบาท (หรือ +85%)
คาดว่าเหล็กท่อจะเป็น Key growth ของบริษัทในระยะยาว บริษัทมีแผนลงทุนขยายคลังสินค้าและโรงงาน โดยจะใช้เงินลงทุนกว่า 400 ล้านบาทในปี 60 เพื่อซื้อที่ดินและสร้างคลังสินค้า
ทั้งนี้ประเมินว่าในตลาดท่อเหล็ก และเหล็กตัว C ยังมีช่องว่างให้ TMT เข้าไปทำการตลาดอีกมาก เพราะปัจจุบันบริษัทมียอดขายท่อเหล็ก 8 พันตัน/เดือน และยอดขายเหล็กตัว C 4 พันตัน/เดือน ขณะที่ปริมาณการบริโภคอยู่ที่ 1 แสนตัน/เดือน และ 4-5 หมื่นตัน/เดือน คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดเพียง 8% และ 8-10% ตามลำดับ ซึ่งเชื่อว่าบริษัทมีศักยภาพที่จะขยายตลาดนี้ได้ สำหรับยอดขายเหล็กแผ่นอยู่ที่ 4-4.5 หมื่นตัน/เดือน ครองส่วนแบ่งการตลาด 18% ซึ่งถือว่าสูงสำหรับอุตสาหกรรมนี้ที่มีผู้ค้ามากราย
ชอบกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของ TMT และเห็นว่าทีมผู้บริหารมีความรู้ ความสามารถ และมีวิสัยทัศน์ในการทำธุรกิจดีมาก ให้ราคาเป้าหมาย 17.80 บาท (อิงกับ P/E ปี 60 ที่ 13 เท่า) แนะนำเป็นถือเพื่อรับปันผลสูง โดยคาดการณ์ปันผลปี 2559 ไว้ที่ 1.50 บาท/หุ้น หรือคิดเป็น Dividend Yield เท่ากับ 8.8% ส่วนของปี 2560 คาดการณ์ไว้ที่ 1.10 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend Yield 6.4% (จ่ายปีละ 1 ครั้ง ขึ้นเครื่องหมาย XD ประมาณต้นเดือนมี.ค.)