วัดกันที่ผลงาน โมนิก้าและทีมงาน

*ตลอดระยะเวลา 1 สัปดาห์มีแต่ผู้หลักผู้ใหญ่ร้อยท่อต่อสายตรงเพื่อบอกให้ “โมนิก้า” ช่วยรับฟังสถานการณ์ต่างๆ ของบริษัทจดทะเบียนที่กำลังเผชิญชะตากรรมอันโหดร้ายสักเล็กน้อย หลังปัญหาตั๋วบีอีกำลังพ่นพิษ และความขัดแย้งของกลุ่มคนต่างๆ หรือแม้กระทั่งเรื่องผลงานที่ล้มเหลว ซึ่งบริษัทหลายแห่งไม่อยากตกเป็นขี้ปากชาวบ้านนั้น เดี๊ยนกลับมองเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องออกมาพูดความจริงมากกว่าซุกปัญหาดังกล่าวไว้ใต้พรมเจ้าค่ะ


                 *ตลอดระยะเวลา 1 สัปดาห์มีแต่ผู้หลักผู้ใหญ่ร้อยท่อต่อสายตรงเพื่อบอกให้ “โมนิก้า” ช่วยรับฟังสถานการณ์ต่างๆ ของบริษัทจดทะเบียนที่กำลังเผชิญชะตากรรมอันโหดร้ายสักเล็กน้อย หลังปัญหาตั๋วบีอีกำลังพ่นพิษ และความขัดแย้งของกลุ่มคนต่างๆ หรือแม้กระทั่งเรื่องผลงานที่ล้มเหลว ซึ่งบริษัทหลายแห่งไม่อยากตกเป็นขี้ปากชาวบ้านนั้น เดี๊ยนกลับมองเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องออกมาพูดความจริงมากกว่าซุกปัญหาดังกล่าวไว้ใต้พรมเจ้าค่ะ

                *ด้วยเหตุนี้จึงขอประทานโทษทุกคนที่ได้รับผลกระทบจากการออกมาเปิดโปงเหตุการณ์หลายอย่าง แต่ขอให้ทุกคนเชื่อไว้ว่า “โมนิก้า” เป็นคนที่ชอบเม้าท์ไปตามเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่งมีทั้งเรื่องที่ดีและไม่ดีปะปนกันไป “โมนิก้า” จึงขอให้ทุกคนทำตัวสบายๆ ไม่ต้องตื่นเต้น หากทุกอย่างออกมาดีอย่างที่ควรจะเป็น ก็ไม่มีอะไรน่าหนักใจ ยกเว้นออกมาไม่เหมือนกับที่โม้ไว้เยอะ อันนี้มีเรื่องต้องคุยกันยาวแน่ๆ เจ้าค่ะ

                *เช่นเดียวกับการทะยานขึ้นของดัชนี จนสุดท้ายขึ้นมายืนอยู่ที่ 1,562.99 จุด บวกไป 8.11 จุด ด้วยมูลค่า 5.64 หมื่นล้านบาท มันเป็นผลมาจากตลาดหุ้นได้ผ่านกระบวนการเขย่าเอาของมาพักใหญ่ๆ เมื่อทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้นเรื่อยๆ แรงซื้อถึงไหลกลับเข้ามาอีกรอบ และทำให้หุ้นกลุ่มบลูชิพเริ่มไต่ระดับขึ้นอีกรอบ ส่วนจะไปได้ไกลขนาดไหน ก็คงขึ้นอยู่กับผลงานในปี 59 ออกมาตามคาดหรือเปล่า?

                *ส่วนที่ผิดคาดไปเยอะ “โมนิก้า” ขอพุ่งเป้าไปยัง CIMBT หลังงบปี 59 ขาดทุน 630 ล้านบาท ทั้งที่ปี 58 กำไร 1 พันล้านบาท พร้อมกับมีคำอธิบายถึงสาเหตุที่ทำให้ขาดทุนมาจาก ธุรกิจเหล็ก และธุรกิจโรงสี เป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้ผลงานออกมาห่วยบรมนั้น มันเหมือนเป็นการย้ำหัวหมุดตัวเดิมว่า ธุรกิจดังกล่าวไว้ใจไม่ได้ และอย่าหลงเข้าไปยุ่งเกี่ยวเป็นอันขาด ขณะที่ราคาในกระดานร่วงลงมาปิดที่ 1.33 บาท ลบไป 0.05 บาทอย่างรวดเร็วเจ้าค่ะ

*ผลพวงดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” นึกถึงแบงก์ตราใบโพธิ์ SCB ขึ้นมาในทันที เพราะรายนี้เคยกระโดดลงมา “เล่นเอง เจ็บเอง”  ซึ่งทำให้เกิดอาการเข็ดขยาดมาจนถึงทุกวันนี้..ไม่เชื่อลองถาม “เฮียอาทิตย์” ดูก็ได้ว่า วันนี้คิดอย่างไรกับพวกโรงเหล็ก ขณะที่ราคาหุ้นในกระดานดันอ่อนตัวลงมาปิดที่ 150.50 บาท ลบไป 4.50 บาท หรือลงไป 2.90% ด้วยมูลค่า 4.25 พันล้านบาท มันอธิบายได้แค่ว่า sell on fact หลังกำไรออกมาตามคาดไงล่ะจ๊ะ

                *เม้าท์ถึงเรื่องหุ้นเหล็กขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ต้องย้อนกลับไปดู RICH เพื่อเป็นการย้ำกับนักเล่นขาลุยว่า นี่เป็นหุ้นที่มีการเบี้ยวหนี้ 2 พันล้านบาท โดยในส่วนดังกล่าวเป็นการเบี้ยวเงินสถาบันการเงินประมาณ 800 ล้านบาท มันทำให้เดี๊ยนต้องสงวนท่าทีกับหุ้นเหล็กทั้งกลุ่ม เพราะมันเริ่มส่งกลิ่นตุๆ ออกมาเป็นระยะ ขณะที่ราคาหุ้นในกระดานก็ยืนอยู่ที่ 0.20 บาท ลบไป 0.01บาท มันหมดความน่าเชื่อถือในทันทีนะคะ

                *อีกหนึ่งข่าวฉาวที่สังคมยังจับตามองก็คือ THAI มันเป็นเรื่องที่จับมือใครดมไม่ได้อย่างแน่นอน เพราะทุกคนรู้ดีว่า เบื้องหลังองค์กรนี้มันมีเรื่องของผลประโยชน์ “โมนิก้า” ถึงมองไม่เห็นความจำเป็นในการต้องตั้งคนในขึ้นมาสอบสวนเรื่องดังกล่าว เพราะท้ายสุดก็คงไม่มีคำตอบอะไรออกมาให้สังคมอยู่ดี ราคาหุ้นถึงทะยานขึ้นมาปิดที่ 23.20 บาท บวกไป 0.70 บาท ด้วยมูลค่า 957.03 ล้านบาทไงล่ะค่ะ

                *เรื่องดังกล่าวยังกระทบชิ่งไปหา PTT อีกรายเข้าเต็มๆ เพียงแต่ประเด็น “โรลส์-รอยซ์” ติดสินบน ไม่ได้เป็นสาระสำคัญที่เกี่ยวกับความสามารถในการทำกำไร “โมนิก้า” ถึงเห็นราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 386 บาท บวกไป 1 บาท ด้วยมูลค่า 1.29 พันล้านบาท และถ้ามองให้ดีจะเห็นว่า ไซเคิลของหุ้นกำลังอยู่ในช่วงพักตัวเพื่อรอจังหวะยกฐานแนวรับให้สูงขึ้นกว่าเดิม  ผู้คนในตลาดหุ้นจึงไม่สนใจข่าวดังกล่าวสักเท่าไหร่นะจ๊ะ

                *ส่วนที่น่าสนใจในเที่ยวนี้กลายเป็นหุ้นม้ามืด APCS ไต่ระดับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่ผลการดำเนินงานยังขาดทุนบานเบอะ “โมนิก้า” มองเป็นเกมเสี่ยงของนักเล่นสายดำอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งเป็นลูกไม้ตื้นๆ ที่เห็นกันมาแล้วหลายรอบ โดยขั้นแรกจะเป็นการออกข่าวได้โปรเจ็กต์ ขั้นต่อไปจะเริ่มทำตัวเลขกำไร หลังจากนั้นจะจบลงด้วยการวาดวิมานเมฆ หุ้นถึงพุ่งขึ้นมาปิดที่ 8.35 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 7.74% ด้วยมูลค่า 190.52 ล้านบาท อย่างรวดเร็วเจ้าค่ะ

                *หุ้นอีกหนึ่งตัวที่น่าจับตาดูก็คือ TAE กระชากขึ้นมาปิดที่ 3.54 บาท บวกไป 0.12 บาท หรือขึ้นไป 3.51% ด้วยมูลค่า 247.02 ล้านบาท อาจเป็นปรากฏการณ์ที่ประหลาดไปหน่อยก็จริง แต่เมื่อมองดูจากงบการเงินที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง กำไรทำได้สม่ำเสมอ แถมครั้งนี้ยังเทรดกันบนค่า P/E 17 เท่า “โมนิก้า” มองเป็นจังหวะที่ดีกว่ารายแรกอย่างเห็นได้ชัด บวกกับเงินปันผลที่จ่ายปีละ 4% มันน่าตามไปดูจริงๆ นะคะ

Back to top button