ทรัมป์กับ ภาระกิจของซิสซีฟัสพลวัต 2017
ใครที่อ่านคำแปลสุนทรพจน์ฉบับเต็มในวันสาบานตนของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ควรรำลึกให้ดีว่า คำมั่นสัญญา "คำโต" ของประธานาธิบดีคนล่าสุดสหรัฐ ค่อนข้างเป็นภาระกิจที่ยากเย็นแสนเข็ญกว่า "ภาระของซิสซีฟัส" ในตำนานกรีกโบราณหลายเท่า และทำใจล่วงหน้าไว้ได้ว่า โอกาสที่จะบรรลุคำมั่นสัญญานั้น ค่อนข้างยากจนถึงเป็นไปไม่ได้เลยทีเดียว
ใครที่อ่านคำแปลสุนทรพจน์ฉบับเต็มในวันสาบานตนของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ควรรำลึกให้ดีว่า คำมั่นสัญญา “คำโต” ของประธานาธิบดีคนล่าสุดสหรัฐ ค่อนข้างเป็นภาระกิจที่ยากเย็นแสนเข็ญกว่า “ภาระของซิสซีฟัส” ในตำนานกรีกโบราณหลายเท่า และทำใจล่วงหน้าไว้ได้ว่า โอกาสที่จะบรรลุคำมั่นสัญญานั้น ค่อนข้างยากจนถึงเป็นไปไม่ได้เลยทีเดียว
ตำนานกรีกว่าด้วยกษัตริย์แห่งเมืองคอรินธ์กระทำผิดต่อเทพเจ้า เรื่องที่เกี่ยวเนื่องกันคือ 1) เปิดโปงความชั่วของมหาเทพซูสที่ลักพาตัวเอจิน่า ลูกสาวของเทพอะโซปัสเทพแห่งแม่น้ำ เพื่อแลกกับการได้น้ำมาลดความแห้งแล้งของชาวเมือง 2) หลอกใช้แหคลุมเทพทาทานอส เทพแห่งความตาย ที่มาสังหารตน ไปขัง ทำให้คนทั่วโลกก็ไม่มีความตายชั่วคราว 3) หลอกเทพฮาเดสผู้คุมนรก ให้ฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาใหม่
ความผิดต่อเทพของเขาถูกตัดสินในข้อหา “ขบถต่อมวลเทพ” ท้ายสุด คือ ซีสซีฟัสถูกลงโทษให้กลิ้งก้อนหินก้อนใหญ่ขึ้นไปบนเขา แล้วกลิ้งลงมาทับเขาอีก และยังถูกบังคับให้กลิ้งหินขึ้นไปอีกเป็นอย่างนี้ไม่มีที่สิ้นสุด
ทรัมป์กำลังตั้งตนเป็นซีสซีฟัสยุคล่าสุด จากคำสาบานตนของเขาที่มีสาระน่าสนใจคือ
– สร้างความมั่งคั่งให้สหรัฐครั้งใหม่ ด้วยมาตรการทางด้านการค้า การคลัง และการทหาร
– จะแหวกกรอบจารีตนักการเมืองอเมริกันด้วยการลงมือทำ แทนการ “ดีแต่พูดแต่ไม่ทำอะไร และบ่นตลอดเวลาแต่ไม่เคยทำอะไรเพื่อแก้ไขสิ่งต่างๆ”
ในหัวข้อแรก จุดเด่นของทรัมป์ที่เห็นได้ชัดที่สุดคือ การใช้มาตรการทางการคลังด้วยการผันงบประมาณมาสร้างงานให้คนอเมริกันมากขึ้น
คำพูดที่ชัดเจนปรากฏในประโยคสำคัญที่ว่า “เราจะสร้างถนนใหม่ ทางหลวงใหม่ รวมทั้งสะพาน สนามบิน อุโมงค์ และทางรถไฟทั่วประเทศ …เราจะทำให้ประชาชนของเราออกจากการรับสวัสดิการสังคมและกลับมาทำงานเพื่อสร้างชาติด้วยแรงงานอเมริกัน….เราจะทำตามกฎง่ายๆ สองข้อ คือ ซื้อของอเมริกัน และจ้างคนอเมริกัน“
จุดเด่นนี้ จะทำให้เอกชนอเมริกันเริ่มต้นการลงทุน จ้างงาน และก่อหนี้ครั้งใหม่ ไม่รีรออีกต่อไป ซึ่งจะทำให้อัตราการเติบโตของการลงทุนที่ผ่านมาเฉลี่ยปีละ 4.3% ต่ำกว่า 6.3% ก่อนวิกฤตซับไพรม์ สามารถกลับฟื้นคืนมาได้อีก คำมั่นที่จะลดเลิกกติกาที่ขัดขวางการลงทุน และลดภาษี ถือเป็นจุดเด่นที่สุดของรัฐบาลทรัมป์ ยากจะปฏิเสธได้
ที่สำคัญหากความสามารถในการเก็บภาษีของรัฐบาลอเมริกันต่ำลง ขีดจำกัดทางการคลังเป็นอีกประเด็นที่น่าติดตามเช่นกันว่าทรัมป์จะติดกับดักของตนเองหรือไม่
เพียงแต่ จุดเด่นสุดนี้ มีขีดจำกัดพอสมควรเพราะ โดยข้อเท็จจริงนับแต่วิกฤตซับไพรม์เป็นต้นมา ระบบการจ้างงานสหรัฐเปลี่ยนไป คนงานบางส่วนไม่ได้ต้องการงานประจำ แต่ต้องการงานชั่วคราวที่ให้ผลประโยชน์มากกว่า (เรียกว่า gig economy) ไม่ใช่เพราะพวกเขาถูกกีดกันจากการจ้างงาน “ที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ และ ค่าแรงต่ำเกินจริง” ซึ่งไม่มีทางหวนคืนกลับไปเหมือนอดีตอีก
คำมั่นสัญญาของทรัมป์ในการคืนงานให้คนอเมริกันจึงมีคำถามว่าเป็นสิ่งที่คนอเมริกันต้องการจริงหรือไม่
จุดเด่นข้างต้น นำไปสู่จุดด้อยที่ชัดเจนหลายประการคือ
การจุดประกายให้กับสงครามการค้าและลัทธิปกป้องทางการค้าและการลงทุน
ข้อกล่าวหาที่หลายคนตีความว่ามุ่งไปที่เม็กซิโก และ จีนเป็นเป้าแรก เป็นคำถามใหญ่ว่าท้ายสุดอาจจะนำไปสู่การทำลายประโยชน์ของบริษัทข้ามชาติอเมริกันเองที่มีฐานการลงทุนในสองประเทศดังกล่าว นอกเหนือจากสงครามการค้า
คำพูดของทรัมป์ที่ว่า “…เป็นเวลายาวนานหลายสิบปีแล้วที่ เราสร้างความมั่งคั่งให้กับอุตสาหกรรมต่างประเทศ แต่อุตสาหกรรมอเมริกันเสียเปรียบ….เราช่วยสนับสนุนกองกำลังทหารต่างประเทศ ขณะที่เราปล่อยให้กองกำลังทหารของเราถูกลดอำนาจลงอย่างน่าเศร้ายิ่ง…เราไปช่วยประเทศอื่นปกป้องเขตแดนแต่เราปฏิเสธที่จะปกป้องเขตแดนตนเอง…เราใช้เงินนับล้านล้านดอลลาร์ในต่างประเทศ ขณะที่ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานของเรากำลังอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่และถดถอย… เราช่วยให้ประเทศอื่นร่ำรวย ขณะที่ความร่ำรวย ความแข็งแกร่ง และความเชื่อมั่นในประเทศเราเหือดหายไป…โรงงานทีละแห่งปิดตัวลง และงานตามโรงงานถูกส่งไปให้ต่างประเทศทำ โดยไม่มีการคำนึงถึงคนงานอเมริกันนับล้านๆ คนที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง...ความมั่งคั่งของชนชั้นกลางถูกขโมยไปจากครอบครัวอเมริกัน และถูกกระจายไปสู่ประเทศต่างๆ ทั่วโลก”
โจทย์สำคัญที่ท้าทายทรัมป์คือ การขาดดุลการค้าของสหรัฐ ปีละ 5 แสนล้านดอลลาร์ จะต้องตามมาด้วยการตั้งกำแพงภาษีนำเข้า ซึ่งจะต้องตามมาด้วยมาตรการตอบโต้จากชาติที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งท้ายสุดก็จะลงเอยด้วยการที่บริษัทอเมริกันทั้งในประเทศและต่างประเทศได้รับความเสียหาย
คำพูดของทรัมป์ที่ว่า “การปกป้องคุ้มครองจะนำไปสู่ความรุ่งเรืองและความแข็งแกร่ง….ข้าพเจ้าจะต่อสู้เพื่อท่านด้วยทุกลมหายใจและเลือดเนื้อที่มี และข้าพเจ้าจะไม่มีวันทำให้ท่านผิดหวัง…อเมริกาจะเป็นผู้ชนะอีกครั้งและจะชนะอย่างที่ไม่เคยชนะมาก่อน…เราจะนำงานกลับมา เราจะนำความปลอดภัยด้านเขตแดนกลับมา เราจะนำความมั่งคั่งกลับมา เราจะนำความฝันกลับมา…” จึงเป็นความหวังที่เลื่อนลอยและปราศจากรากฐานที่แข็งแกร่ง
ทั้งหมดนี้ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ช่วงเวลา 4 ปีต่อจากนี้ไป คือบทพิสูจน์ว่าภารกิจของซีสซีฟัสยุคใหม่ร่วมสมัย จะเป็นเช่นใด และจะมีสีสันหรือบทลงเอยเช่นใด